หนุ่มกัมพูชาสวนกลับแรง! ยืนยันไปโรงพยาบาลจ่ายเอง ไม่เคยใช้สิทธิ์ 30 บาท
คนกัมพูชาตอบโต้ดุเดือด! ปมรักษาพยาบาลในไทย – จ่ายเองไม่พึ่งสิทธิ 30 บาท ชี้หันไปมาเลเซียแทน
กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ เมื่อชายชาวกัมพูชารายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ข้อความตอบโต้การวิพากษ์วิจารณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการที่ชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย โดยข้อความดังกล่าวมีเนื้อหาที่ดุเดือด ตรงไปตรงมา และสะท้อนถึงมุมมองของคนกัมพูชาต่อระบบสาธารณสุขไทยอย่างชัดเจน
ข้อความเพียงไม่กี่ย่อหน้า กลับสร้างแรงสั่นสะเทือนในสังคมออนไลน์ จนเกิดเป็นกระแสถกเถียงอย่างร้อนแรงทั้งในหมู่คนไทยและคนกัมพูชา ทำให้ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการแพทย์หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเท่านั้น แต่ยังโยงไปถึงประเด็นทางสังคม เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระดับประชาชนด้วย
โพสต์ที่กลายเป็นไวรัล – เสียงสะท้อนจากกัมพูชา
ชายชาวกัมพูชารายนี้ระบุข้อความอย่างเผ็ดร้อนว่า
“พวกคุณคิดว่าคนเขมรไปรักษาที่โรงพยาบาลในไทยแล้วใช้บัตร 30 บาทหรือสิทธิประกันสังคมกันเหรอครับ? พวกเขาจ่ายเงินเองทั้งหมด เป็นหลักหมื่นดอลลาร์! ถ้าเป็นมะเร็งก็หลายสิบหมื่นดอลลาร์เลย เท่ากับว่าพวกเขาเสียภาษีให้คุณมีกินมีใช้นั่นแหละ เลิกสำคัญตัวเองได้แล้วครับ”
ประโยคนี้ถือเป็นจุดที่จุดชนวนความขัดแย้งทันที เพราะเป็นการโต้กลับเสียงวิจารณ์จากฝั่งคนไทยบางส่วนที่เชื่อว่าแรงงานต่างด้าวหรือคนกัมพูชาเข้ามารักษาในไทยแล้วอาศัยสิทธิที่รัฐจัดสรรให้กับประชาชนไทย เช่น สิทธิบัตรทอง 30 บาท หรือ สิทธิประกันสังคม
พร้อมกันนั้น เขายังกล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบัน ชาวกัมพูชาหลายคนเลือกที่จะกลับไปรักษาในประเทศตนเอง หรือไม่ก็หันไปใช้บริการในมาเลเซีย ซึ่งเขามองว่ามีคุณภาพที่ดีกว่าและคุ้มค่ากว่าการมารักษาในประเทศไทย
ทำไมเรื่องนี้ถึงกลายเป็นไวรัล?
หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็ถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็วทั้งในแพลตฟอร์ม Facebook และ X (Twitter เดิม) จนกลายเป็นไวรัล มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมหาศาล โดยแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน
1. ฝั่งกัมพูชา – เห็นด้วยกับโพสต์ดังกล่าว หลายคนยืนยันว่าพวกเขาจ่ายเงินเต็มจำนวนเมื่อเข้ามารักษาในโรงพยาบาลไทย และมองว่าการกล่าวหาว่าคนกัมพูชามาใช้สิทธิของคนไทยนั้นไม่เป็นธรรม
2. ฝั่งไทย – มีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่โต้แย้ง โดยบางส่วนยอมรับว่าชาวกัมพูชาที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลเอกชนของไทยจ่ายเงินเองจริง ๆ แต่ก็ยังมีเสียงที่กังวลว่าแรงงานต่างด้าวบางกลุ่มอาจเข้าถึงสิทธิของรัฐไทยโดยไม่ชอบธรรม
ผลลัพธ์คือเกิดการถกเถียงดุเดือดในประเด็น “ใครควรได้ใช้สิทธิการรักษาพยาบาลของไทย” และ “ประเทศไทยได้หรือเสียประโยชน์จากผู้ป่วยต่างชาติ”
ข้อมูลจริง: คนกัมพูชาใช้สิทธิรักษาพยาบาลในไทยได้หรือไม่?
เพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ จำเป็นต้องแยกออกเป็น 2 กรณี ได้แก่
1. โรงพยาบาลรัฐของไทย – สิทธิบัตรทอง 30 บาท และสิทธิประกันสังคม เป็นสิทธิที่สงวนไว้สำหรับคนไทยหรือแรงงานต่างด้าวที่ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายและนายจ้างส่งเงินสมทบเข้าสู่ระบบเท่านั้น ดังนั้นแรงงานกัมพูชาที่ไม่ได้อยู่ในระบบย่อมไม่สามารถใช้สิทธิเหล่านี้ได้
2. โรงพยาบาลเอกชนของไทย – ผู้ป่วยต่างชาติ รวมถึงคนกัมพูชา ต้องจ่ายเงินเองเต็มจำนวน ซึ่งค่ารักษาในบางกรณี เช่น โรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรง อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาท
ดังนั้น คำกล่าวอ้างของชายชาวกัมพูชาที่ว่า “จ่ายเงินเองทั้งหมด” จึงมีน้ำหนักไม่น้อยในเชิงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงผู้ป่วยที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาลเอกชน
การแพทย์ไทยกับภาพลักษณ์ “Medical Hub” ของอาเซียน
ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่โดดเด่นด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) โดยมีผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา และมาเลเซีย เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า รายได้จากนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยในแต่ละปีสูงถึงหลายหมื่นล้านบาท โดยโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ เช่น บำรุงราษฎร์ กรุงเทพ และสมิติเวช ล้วนมีผู้ป่วยจากกัมพูชาจำนวนมาก
ในมุมนี้ หากมองตามที่ชายกัมพูชากล่าว ก็ถือว่าผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศไทย อย่างมีนัยสำคัญ
มุมมองของคนกัมพูชา – ความภาคภูมิใจในระบบสาธารณสุขของตนเอง
สิ่งที่น่าสนใจคือ ชายกัมพูชาคนดังกล่าวยังบอกด้วยว่า ปัจจุบันคนกัมพูชาหลายคนเริ่มหันกลับไปรักษาในประเทศของตนเองมากขึ้น เนื่องจากโรงพยาบาลในกัมพูชามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าการมารักษาในไทย
นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มว่าผู้ป่วยกัมพูชากลุ่มที่มีฐานะดี อาจเลือกเดินทางไปยังมาเลเซียมากขึ้น เพราะเชื่อว่ามีคุณภาพการรักษาที่สูงกว่าไทยในบางด้าน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย
กระแสโต้กลับจากคนไทย – คำถามที่ยังคาใจ
ในขณะที่ฝั่งกัมพูชาพยายามยืนยันว่า พวกเขาไม่ได้ใช้สิทธิของคนไทย แต่เสียงวิจารณ์จากฝั่งไทยบางส่วนก็ยังไม่หายไป โดยมีข้อสงสัยว่า
แรงงานกัมพูชาที่ทำงานอย่างผิดกฎหมายหรือไม่มีเอกสาร อาจเข้าถึงบริการสาธารณสุขของรัฐไทยได้จริงหรือไม่?
การรักษาผู้ป่วยต่างชาติในโรงพยาบาลรัฐ จะกลายเป็นภาระที่กระทบต่อโอกาสของคนไทยหรือเปล่า?
ประเทศไทยได้กำไรจากผู้ป่วยต่างชาติจริงหรือมีบางกลุ่มที่เป็นภาระซ่อนเร้น?
คำถามเหล่านี้ยังคงเป็นประเด็นถกเถียง และต้องการการตรวจสอบเชิงลึกจากภาครัฐ
ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา: ศรัทธา ความเข้าใจ และความขัดแย้ง
เรื่องกรามหมูอาจสะท้อนถึงความสัมพันธ์เชิงสังคม แต่กรณีนี้สะท้อนถึง ความสัมพันธ์ด้านสุขภาพ ซึ่งกลายเป็นเวทีให้คนสองชาติได้แลกเปลี่ยนมุมมอง ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ
ด้านบวก: การที่คนกัมพูชาเข้ามารักษาในไทย สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทย และสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพการแพทย์ของไทย
ด้านลบ: การเข้าใจผิดและการกล่าวหากันไปมา ทำให้เกิดบรรยากาศแห่งความขัดแย้ง ซึ่งอาจบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ
บทสรุป
กรณีโพสต์ของชายกัมพูชาที่ออกมาโต้ตอบอย่างดุเดือด ไม่เพียงแต่เป็นการปกป้องศักดิ์ศรีของประชาชนกัมพูชา แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงหลายประเด็นสำคัญที่สังคมไทยต้องตระหนัก
1. ข้อเท็จจริงเรื่องสิทธิการรักษา – ผู้ป่วยกัมพูชาที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนของไทย จ่ายเงินเองจริง ๆ ไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาทตามที่เข้าใจกัน
2. การแพทย์ไทยในฐานะศูนย์กลาง – ประเทศไทยยังคงเป็น Medical Hub ที่สำคัญ แต่เริ่มมีการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย
3. ความเข้าใจระหว่างประชาชน – สิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องระหว่างคนไทยและกัมพูชา เพื่อลดความขัดแย้งทางความคิด
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้อาจกลายเป็นเพียงกระแสชั่วคราวในโลกออนไลน์ แต่ก็เป็น “บทเรียนสังคม” ที่ชี้ให้เห็นว่า การสื่อสารที่ไม่ครบถ้วนสามารถสร้างความเข้าใจผิดได้มากเพียงใด และการรับฟังเสียงของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความเชื่อของเราเอง
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
คฤหาสน์ 5 พันล้านของอดีตนางเอกดังกลายเป็น "รังแมลงสาบ" พร้อมเผยภาพสุดขนลุก
วิธีป้องกันตะขาบในบ้าน ลดเสี่ยงโดนกัด
หวยปีใหม่ 2568 — ส่องแนวทาง “เลขเด็ด” จากหลายสำนักดัง เคาะแล้ว!
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ด่วน! แชทลับ “นัทปง–นาย ก.” โผล่กลางรายการคุณพุทธ ส่อเค้าคดีไซ(ย)ไนด์รอบใหม่ คุณพุทธเปิดแชทไลน์สำคัญของ นัทปง ที่คุยกับ นาย ก. พบข้อความชัดเจนว่า นัทปงกำลังทวง “ไซ(ย)ไนด์”
เลขาฯ นายกฯ โพสต์แจ้งคน อ.กันทรลักษ์ อพยพออกจากพื้นที่ด่วน
มาลี โสเจียตา แถลงการณ์ พบทหารไทยพกอาวุธ ขนาดเล็ก และมีการยิงใส่กองกำลังของกัมพูชา กองกำลังกัมพูชา ก็ได้เรียกร้องให้ไทยยุติการยิงทันที
แนวหน้า! ปะทะเดือด “ภูผาเหล็ก” ทหารเจ็บ แต่คำสั่งมาให้ “หยุดยิง”รอเจรจา
เลขเด็ด "ทักษาพารวย" งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68...อยากถูกหวย รีบส่องเลย!
มาลี โสเจียตา แถลงการณ์ พบทหารไทยพกอาวุธ ขนาดเล็ก และมีการยิงใส่กองกำลังของกัมพูชา กองกำลังกัมพูชา ก็ได้เรียกร้องให้ไทยยุติการยิงทันที
คฤหาสน์ 5 พันล้านของอดีตนางเอกดังกลายเป็น "รังแมลงสาบ" พร้อมเผยภาพสุดขนลุก
หวยปีใหม่ 2568 — ส่องแนวทาง “เลขเด็ด” จากหลายสำนักดัง เคาะแล้ว!
เปิดโปรไฟล์ "ลิซ่า อลิซา": นางเอกดาวรุ่งไทย–จีน แจ้งเกิดบทสาวไทยข้ามภพ
ตร. จ่อขอหมายค้นบ้าน "นัทปง" หลังเพื่อนสนิทปฏิเสธไม่มีกุญแจ อ้างส่งคืนครอบครัวแล้ว
เลขาฯ นายกฯ โพสต์แจ้งคน อ.กันทรลักษ์ อพยพออกจากพื้นที่ด่วน
คฤหาสน์ 5 พันล้านของอดีตนางเอกดังกลายเป็น "รังแมลงสาบ" พร้อมเผยภาพสุดขนลุก
WHO เตือนว่าความรู้สึกบางอย่างมีพิษเท่าสูบบุหรี่ 15 มวน ไม่ใช่ความโกรธหรือเครียด
ชายแดนเดือด ปะทะภูผาเหล็ก ทหารเขมรยิงปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง ไทยเจ็บ 2 อพยพด่วน 4 จังหวัดชายแดน
แนวหน้า! ปะทะเดือด “ภูผาเหล็ก” ทหารเจ็บ แต่คำสั่งมาให้ “หยุดยิง”รอเจรจา

