สุดพีค! ชายเต้นบีบอยในสภาเทศบาลฯ นิวเจอร์ซีย์ โชว์สเต็ปสุดอึ้ง กลายเป็นไวรัลสนั่นเน็ต
เกิดเหตุการณ์สุดฮือฮาในงานประชุมสภาเทศบาลเมืองแครนฟอร์ด รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อชายหนุ่มรายหนึ่งชื่อ วิล ฮิลลี ได้สร้างสีสัน (หรืออาจเรียกได้ว่าความปั่นป่วน) ด้วยการแสดง B-boy หรือ B-girling ท่ามกลางที่ประชุมอย่างไม่คาดฝัน
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อฮิลลีเดินขึ้นไปยังแท่นกล่าวสุนทรพจน์ ทันใดนั้นเขาก็เริ่มแสดงท่า หุ่นยนต์เต้น (Robot dance) แบบไร้เสียงเพลงตลอดทางเดิน ท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างอึดอัด ผู้เข้าร่วมประชุมบางส่วนถึงกับหลบสายตา บ้างก็เอามือปิดหน้าด้วยความงุนงง
หลังจากเต้นไปประมาณ 40 วินาที ฮิลลีก็มาถึงแท่นกล่าวสุนทรพจน์ เขาถอนหายใจ ก่อนจะไปหยิบขวดน้ำและเอกสาร เขาทักทายผู้เข้าร่วมประชุม จากนั้นก็ถามว่ามีใครอยากดู ท่าหมุนตัวบนพื้น (Backspin) ของเขาหรือไม่ แม้จะไม่มีเสียงตอบรับ แต่เขาก็ةนอนลงบนพื้นและเริ่มหมุนตัวไปมา ผู้ชมยังคงนั่งเงียบ บางคนแสดงท่าทีอึดอัด เมื่อเต้นเสร็จ เขาก็ผายมือให้ปรบมือ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับใดๆ
หลังจากนั้น ฮิลลีก็เข้าสู่ประเด็นที่เขาต้องการหารือ เขาตั้งคำถามเกี่ยวกับ การขึ้นภาษี ที่เคยสัญญาไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 400 ดอลลาร์ แต่กลับถูกเรียกเก็บเงินถึงเกือบ 900 ดอลลาร์ และต้องการให้หน่วยงานชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ของการใช้เงินส่วนที่เกินมา โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน
เมื่อกล่าวจบ ฮิลลีก็เดินลงจากแท่นด้วยท่า Moonwalk ถอยหลัง ซึ่งก็สร้างความเงียบและสายตาจับจ้องมาที่เขาอีกครั้ง
รายงานระบุว่า ฮิลลีเป็นชาวเมืองแครนฟอร์ด และเคยมีพฤติกรรม เข้าร่วมการประชุมของเทศบาลด้วยวิธีที่แปลกประหลาด มาก่อนหลายครั้ง โดยเขามักจะโพสต์วิดีโอการเข้าร่วมประชุมของเขาผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารงานของท้องถิ่น
ปัจจุบัน ฮิลลี ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการเทศบาลในฐานะผู้สมัครอิสระ โดยเขาระบุบนเว็บไซต์หาเสียงว่า ต้องการยุติภาระการพัฒนาที่มากเกินไปที่ประชาชนต้องแบกรับ ส่งเสริมการอภิปรายที่เปิดกว้างและโปร่งใส และสร้างความร่วมมือในชุมชน
ฮิลลีอธิบายว่า การเต้นของเขาเป็นการ แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้รัฐบาลท้องถิ่นปฏิบัติต่อประชาชนด้วย ทัศนคติที่ผ่อนคลายและเท่าเทียม ลดความแตกแยกและความเครียด และกระตุ้นให้เกิดการสื่อสารที่เปิดอก เขาเน้นย้ำว่า หากได้รับเลือกตั้ง เขาจะพยายาม รับรองว่าการตัดสินใจจะมาจากประชาชนโดยรวม ไม่ใช่ได้รับอิทธิพลจากการเมือง และจะสร้าง สภาพแวดล้อมการสื่อสารสาธารณะที่เป็นมิตรและปราศจากความกดดัน
















