“แอ็คมี่” ใจป้ำ! เทงบ 100 ล้าน มอบหุ่นยนต์กวาดทุ่นระเบิดเสริมแกร่งกองทัพไทย

แอ๊คมี่ วรวัฒน์ นาคแนวดี มหาเศรษฐีคริปโต ผู้ก่อตั้ง ACT ซื้อหุ่นยนต์กวาดทุ่นระเบิด 100 ล้านบาท มอบกองทัพไทย เพื่อคืนผืนแผ่นดินให้ประชาชน

วันที่ 18 สิงหาคม 2568 นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่สร้างความฮือฮาในสังคมไทย เมื่อ นายวรวัฒน์ นาคแนวดี หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “แอ๊คมี่” (Acme) นักร้องนำวง DoubleDeep และนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีชื่อดัง ผู้ก่อตั้งเหรียญดิจิทัล ACT (ACET) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Acme Traderist – Worawat Narknawdee เปิดเผยว่า ตนได้ทุ่มเงินกว่า 100 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อหุ่นยนต์กวาดทุ่นระเบิดควบคุมระยะไกล มอบให้กับ กองทัพบกไทย ใช้ในภารกิจเก็บกู้กับระเบิดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา

 

หุ่นยนต์มูลค่า 100 ล้าน: โล่กำบังชีวิตมากกว่าเครื่องจักร

แอ๊คมี่ระบุว่า หุ่นยนต์รุ่นที่จัดซื้อคือ DOK-ING MV-4 Remote Controlled Mine Clearance System หนึ่งในเทคโนโลยีด้านความมั่นคงที่มีชื่อเสียงระดับโลก ถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เสมือน “โล่กำบังชีวิตของมนุษย์” สามารถเคลื่อนที่เข้าไปในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยกับระเบิดแทนทหารหรือชาวบ้าน โดยที่ผู้ควบคุมสามารถบังคับจากระยะไกลได้อย่างปลอดภัย

 “มันไม่ใช่แค่เครื่องจักร แต่มันคือเครื่องมือที่เปลี่ยนแดนมรณะให้กลายเป็นแผ่นดินที่มีชีวิต” — แอ๊คมี่

หุ่นยนต์ MV-4 มีโครงสร้างเกราะแข็งแรง สามารถทนต่อแรงระเบิดได้ พร้อมกลไกที่ทำหน้าที่กวาดและทำลายกับระเบิดที่ฝังอยู่ใต้พื้นดิน ขณะที่ผู้ควบคุมไม่จำเป็นต้องเข้าไปเสี่ยงชีวิตใกล้ ๆ จุดอันตราย

บาดแผลจากสงคราม: กับระเบิดที่ยังคงฝังอยู่ในผืนดินไทย

หลายคนอาจไม่ทราบว่า พื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะในจังหวัด สระแก้ว ศรีสะเกษ สุรินทร์ และจันทบุรี ยังคงมี “กับระเบิด” ฝังอยู่ใต้พื้นดินนับตั้งแต่ยุคสงครามเขมรแดงและความขัดแย้งตามแนวชายแดนเมื่อหลายสิบปีก่อน แม้ปัจจุบันจะเข้าสู่ยุคสันติภาพแล้ว แต่ทุ่นระเบิดเหล่านี้ยังคงทำงานอยู่ และพรากชีวิตผู้คนมาแล้วนับไม่ถ้วน

มีรายงานว่า ตั้งแต่ปี 2521 จนถึงปัจจุบัน มีประชาชนและทหารไทยจำนวนมากต้องพิการ สูญเสียแขน ขา หรือเสียชีวิตเพราะกับระเบิด โดยหลายกรณีเป็นเพียงชาวบ้านที่เดินผ่านพื้นที่โดยไม่รู้ตัวว่ายังมีทุ่นระเบิดซ่อนอยู่

แอ๊คมี่จึงมองว่า การลงทุนในหุ่นยนต์ครั้งนี้ ไม่ใช่การซื้อเครื่องจักรเพื่อทำสงคราม แต่เป็นการ “ซื้อชีวิต” เพื่อหยุดยั้งความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก

 

น้ำเสียงจากโพสต์ที่สะเทือนใจสังคม

ข้อความในโพสต์ของแอ๊คมี่มีเนื้อหาที่สะท้อนถึงความตั้งใจอย่างแรงกล้าและมุมมองเชิงมนุษยธรรม

เขาเขียนไว้ว่า

“กับระเบิดไม่ได้เลือกเป้าหมาย ไม่แยกว่าใครเป็นทหารหรือชาวบ้าน แต่มันพรากชีวิตผู้คนไปทีละคน”

“มันคือเครื่องมือคืนผืนดินให้ผู้คน และคือความหวังที่วันหนึ่ง เด็กไทยจะได้วิ่งเล่นบนทุ่งหญ้าโดยไม่มีอะไรซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน”

“นี่ไม่ใช่การซื้อเครื่องจักร แต่มันคือการซื้อชีวิต และการคืนชีวิตให้แผ่นดินและผู้คนของเรา”

ประโยคเหล่านี้ถูกแชร์ต่ออย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ และได้รับการชื่นชมว่าเป็น “การให้ที่ทรงพลังที่สุด”

 

ทำไมต้อง DOK-ING MV-4?

DOK-ING MV-4 ถือเป็นหนึ่งในหุ่นยนต์เก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ถูกใช้งานโดยหลายประเทศทั่วโลก เช่น โครเอเชีย อัฟกานิสถาน และกัมพูชา จุดเด่นของมันคือ

ควบคุมจากระยะไกลได้ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานปลอดภัย

ทนทานต่อแรงระเบิดสูง ด้วยโครงสร้างเกราะพิเศษ

มีความคล่องตัวสูง ใช้งานได้ทั้งพื้นที่ราบและพื้นที่ขรุขระ

กวาดทุ่นระเบิดได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพมากกว่าการเก็บกู้ด้วยกำลังคน

การที่แอ๊คมี่เลือกจัดซื้อรุ่นนี้จึงสะท้อนถึงการคัดสรรอย่างตั้งใจ เพื่อให้ประเทศไทยได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในการแก้ปัญหาที่เรื้อรังมานานหลายทศวรรษ

จากศิลปินสู่นักลงทุนและผู้ให้

ก่อนหน้านี้ แอ๊คมี่เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำวง DoubleDeep ที่มีผลงานเพลงแนวป๊อปร็อก แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาก้าวเข้าสู่วงการการเงินดิจิทัล และประสบความสำเร็จอย่างสูง จนได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีคริปโตของไทย

 

การก่อตั้งเหรียญ ACT (ACET) ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนทางการเงิน แต่ยังถูกวางให้เป็น Community Token ที่มุ่งสร้างพลังของผู้คน (ACT Warriors) ในการทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคม

การทุ่มเงิน 100 ล้านบาทครั้งนี้ จึงเป็นการยืนยันว่า “ACT ไม่ใช่แค่เหรียญ แต่มันคือผู้คน” ตามที่เจ้าตัวได้กล่าวไว้

 

ความโปร่งใสและการย้ำเตือนเรื่องมิจฉาชีพ

แอ๊คมี่ยังได้ย้ำชัดในโพสต์ว่า

 “ไม่มีการเปิดรับระดมทุนเพื่อรับบริจาค กรุณาอย่าหลงเชื่อบุคคลที่แอบอ้างทุกกรณี”

การประกาศเช่นนี้สะท้อนถึงความโปร่งใสและป้องกันไม่ให้มีผู้ไม่หวังดีแอบอ้างชื่อในการหลอกลวงประชาชน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่ได้รับคำชมจากสังคม

 

เสียงสะท้อนจากสังคม

หลังการโพสต์ไม่นาน โลกออนไลน์เต็มไปด้วยเสียงชื่นชมในน้ำใจของแอ๊คมี่ หลายคนยกให้เป็นตัวอย่างของ “การใช้ความสำเร็จส่วนตัวเพื่อประโยชน์สาธารณะ” ขณะที่บางคนมองว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการผลักดันให้ประเทศไทยนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้แก้ปัญหาที่ถูกละเลยมานาน

ไม่เพียงแต่ผู้ติดตามในวงการคริปโตหรือแฟนเพลงของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประชาชนทั่วไปที่เห็นคุณค่าของการให้ที่ยิ่งใหญ่และจับต้องได้จริง

 

บทสรุป: การซื้อชีวิต ไม่ใช่เครื่องจักร

การที่ แอ๊คมี่ วรวัฒน์ นาคแนวดี ใช้เงินส่วนตัวกว่า 100 ล้านบาทเพื่อจัดซื้อหุ่นยนต์กวาดทุ่นระเบิด มอบให้กองทัพไทยครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการช่วยเสริมขีดความสามารถด้านความปลอดภัยของประเทศ แต่ยังเป็นการส่งสารสำคัญไปยังสังคมว่า

 

“ชีวิตของประชาชนไทยทุกคน มีค่ามากเกินกว่าจะปล่อยให้สูญเสียเพราะกับระเบิดที่ฝังอยู่ในผืนดิน”

 

นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ความสำเร็จส่วนบุคคลสามารถถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังเพื่อส่วนรวม และเทคโนโลยีไม่ใช่เพียงเครื่องจักร หากแต่เป็นสะพานที่เชื่อมไปสู่ความหวังและความปลอดภัยของผู้คน