จีนประกาศ "พร้อมรวมชาติกับไต้หวันแล้ว"
วันนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] จีนได้ออกมากล่าวว่า "สนธิสัญญาซานฟรานซิสโกนั้นผิดกฎหมายและไม่ถูกต้อง" และ "ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนได้!!"
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ "เหมา หนิง" ของจีน ได้ออกมากล่าวหลังจาก หัวหน้าฝ่ายกิจการต่างประเทศของภูมิภาคไต้หวัน อ้างว่า "หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สนธิสัญญาซานฟรานซิสโก ได้เข้ามาแทนที่ปฏิญญาไคโร และ ประกาศพอทสดัม และ สนธิสัญญาดังกล่าว ไม่ได้ทำให้ไต้หวันอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาล ของสาธารณรัฐประชาชนจีน!!" โดย "เหมา หนิง" กล่าวว่า "ไต้หวันทำให้ดำกลายเป็นขาว บิดเบือนข้อเท็จจริง และ เปิดโปงธรรมชาติการแบ่งแยกดินแดน" และ "ไม่ว่า "ไล่ ชิง เต๋อ" จะพูดหรือทำอะไร พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ และ กฎหมายที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนได้!!" และ "พวกเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงฉันทามติระหว่างประเทศ เกี่ยวกับหลักการจีนเดียวได้!!" และ "การรวมประเทศจีนอย่างสมบูรณ์ เป็นแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้!!" และ "จีนพร้อมแล้วที่จะรวมชาติกับจังหวัดไต้หวันอีกครั้ง"
"เหมา หนิง" กล่าวอีกว่า "ปฏิญญาไคโร ปฏิญญาพอทซ์ดัม และ หนังสือยอมแพ้ของญี่ปุ่น ซึ่งล้วนเป็นเอกสารระหว่างประเทศ ที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ล้วนยืนยันอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือไต้หวันอย่างชัดเจน" และ "ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และทางกฎหมายที่ว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่ง ที่ไม่สามารถโอนให้ใครได้ของดินแดนจีนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจโต้แย้งได้!!" และ "เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1949 รัฐบาลประชาชนกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับการก่อตั้งขึ้น และ กลายเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพียงชุดเดียวในจีนทั้งหมด!!" และ "นี่คือการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ภายในนิติบุคคลระหว่างประเทศเดียวกัน โดยไม่เปลี่ยนแปลงอำนาจอธิปไตย หรือ บูรณภาพแห่งดินแดนของจีน รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน มีอำนาจอธิปไตยเหนือไต้หวันโดยสมบูรณ์!!"
"เหมา หนิง" กล่าวเกี่ยวกับสนธิสัญญา ที่เรียกว่า "ซานฟรานซิสโก" ซึ่ง "เหมา หนิง" ชี้ให้เห็นว่า "มันเป็นเอกสารที่ผิดกฎหมายและไม่ถูกต้อง ที่จัดทำขึ้นโดยอเมริกาและบางประเทศ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยกเว้นสาธารณรัฐประชาชนจีน และ สหภาพโซเวียต เพื่อบรรลุสันติภาพแยกต่างหากกับญี่ปุ่น" และ "มันละเมิดปฏิญญาสหประชาชาติ ที่ลงนามโดย 26 ประเทศ รวมถึงจีน อเมริกา สหราชอาณาจักร และ สหภาพโซเวียต เมื่อปี 1942 รวมไปถึงกฎบัตรสหประชาชาติ และ หลักการพื้นฐาน ของกฎหมายระหว่างประเทศด้วย!!" และ "การกำหนดใดๆ เกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยของไต้หวัน หรือ สิทธิในดินแดนและอำนาจอธิปไตยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับจีน ซึ่งเป็นรัฐที่ไม่ได้ทำสัญญา ในเอกสารนี้ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและเป็นโมฆะ!!"
"เหมา หนิง" กล่าวอีกว่า "หลักการจีนเดียวเป็นรากฐานทางการเมือง สำหรับจีนในการสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์ ทางการทูตกับประเทศต่างๆทั่วโลก" และ "เป็นบรรทัดฐานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ" และ "เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน จำเป็นต้องยึดมั่นในหลักการจีนเดียว และ ต่อต้านกิจกรรมแบ่งแยกดินแดนทั้งหมดที่แสวงหา เอกราชของไต้หวัน"
"เหมา หนิง" กล่าวเสริมว่า "สถานการณ์ในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ โดยรวมยังคงมีเสถียรภาพดี" และ "เราขอจีนเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เคารพความพยายามร่วมกัน ของประเทศในภูมิภาค ในการแก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ แทนที่จะยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้าหรือสร้างความตึงเครียดเกินจริง!!"























