สะเทือนขวัญ! เจอศพชายเกาหลีใต้ในกัมพูชา ถูกทิ้งถังขยะสุดสยอง
สะเทือนใจ! พบศพชายเกาหลีใต้ในกัมพูชา เชื่อโยงขบวนการแก๊งต้มตุ๋นไซเบอร์โลกมืด
เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจไปทั่วเกาหลีใต้และนานาชาติ เมื่อสื่อ The Korea Herald รายงานว่า มีการพบศพชายชาวเกาหลีใต้ภายในจังหวัดกำปง ประเทศกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นระบุว่า ศพถูกห่อด้วยผ้าห่มและถุงพลาสติก ถูกทิ้งไว้ในถังขยะขนาดใหญ่ สภาพศพเต็มไปด้วยร่องรอยการถูกทำร้ายรุนแรง
ศพดังกล่าวถูกระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวข้องกับ ขบวนการต้มตุ๋นไซเบอร์ข้ามชาติ ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติการกระจายอยู่ในกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้าน โดยหลายแห่งถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยแก๊งอาชญากรรมสัญชาติจีน
ศพชายเกาหลีใต้ท่ามกลางความโหดร้าย
รายงานเบื้องต้นจากตำรวจท้องถิ่นระบุว่า ร่างของผู้เสียชีวิตมีบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย ใบหน้าบวมช้ำ และมีร่องรอยของเลือดจำนวนมาก ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าเขาอาจเผชิญกับการทำร้ายอย่างต่อเนื่อง ก่อนถูกสังหารและทิ้งร่างอย่างไร้เยื่อใย
จากการตรวจสอบเบื้องต้น หนึ่งในผู้เสียชีวิตถูกระบุว่าเป็นชายชาวเกาหลีใต้นามสกุล ปาร์ค (Park) กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ยืนยันข้อมูลดังกล่าว พร้อมประกาศว่าจะให้การสนับสนุนครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านกงสุลและการดำเนินการสอบสวนกับเจ้าหน้าที่กัมพูชา
คำสั่งสอบสวนเต็มรูปแบบจากรัฐบาลโซล
กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ยื่นคำร้องไปยังรัฐบาลกัมพูชา ขอให้มีการสอบสวนอย่างละเอียดและโปร่งใสเพื่อหาความจริงเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต โดยระบุว่า "แม้การยืนยันรายละเอียดเพิ่มเติมอาจเป็นเรื่องยากในขณะนี้ แต่รัฐบาลเกาหลีใต้จะไม่เพิกเฉย และจะติดตามผลอย่างใกล้ชิด"
ท่ามกลางความตึงเครียดนี้ เกาหลีใต้ได้เร่งประสานงานกับสถานทูตในกรุงพนมเปญเพื่อสนับสนุนการสืบสวน แต่ความท้าทายใหญ่คือ อำนาจของเกาหลีใต้ในการสืบสวนโดยตรงในดินแดนกัมพูชายังคงจำกัด
โลกมืดของแก๊งต้มตุ๋นไซเบอร์
สิ่งที่เกิดขึ้นกับปาร์คไม่ได้เป็นเพียงคดีฆาตกรรมธรรมดา แต่มีเงามืดโยงใยไปถึงขบวนการต้มตุ๋นไซเบอร์ข้ามชาติที่ถูกกล่าวหาว่ามีรากฐานอยู่ในกัมพูชา
แหล่งข่าวด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่า กัมพูชามีศูนย์ปฏิบัติการลักษณะนี้มากกว่า 50 แห่ง ซึ่งมักถูกปิดตายและมีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด คนที่เข้าไปภายในจะถูกควบคุมราวกับนักโทษ ถูกบังคับให้ทำงานต้มตุ๋นผ่านโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต เช่น การหลอกลงทุน หรือการหลอกให้โอนเงิน
รายงานจาก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังระบุว่า ศูนย์เหล่านี้เป็นเสมือน "เขตปลอดกฎหมาย" ที่เจ้าหน้าที่รัฐแทบไม่สามารถเข้าถึงได้ จนกลายเป็นสวรรค์ของอาชญากรข้ามชาติ
คำบอกเล่าจากผู้รอดชีวิต
หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่สะท้อนความโหดร้ายคือคำให้สัมภาษณ์ของชายชาวเกาหลีใต้วัย 28 ปี ซึ่งสามารถหลบหนีออกจากขบวนการได้ เขาเล่าว่า
“สมาชิกแก๊งชาวจีนพร้อมจะฆ่าคนง่าย ๆ หากมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง การทุบตี การช็อตไฟฟ้า หรือการทรมานด้วยน้ำ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติภายในศูนย์เหล่านี้”
คำบอกเล่านี้ตรงกับสภาพร่างกายของผู้เสียชีวิตที่เจ้าหน้าที่พบ ซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยการทำร้ายอย่างต่อเนื่อง
เหยื่อคนเกาหลีเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ข้อมูลจากสำนักงานของ ส.ส. คิม กอน เปิดเผยว่า จำนวนชาวเกาหลีใต้ที่ถูกรายงานว่าตกเป็นเหยื่อการลักพาตัวหรือถูกควบคุมตัวในกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ
ปี 2566: มีรายงาน 21 ราย
ปี 2567: ตัวเลขพุ่งสูงถึง 221 ราย
ครึ่งแรกของปี 2568: มีแล้วกว่า 212 คดี
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหานี้กำลังทวีความรุนแรงขึ้น และปี 2568 อาจทำลายสถิติเดิมด้วยจำนวนเหยื่อที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
กลลวง "งานต่างประเทศรายได้สูง"
เหยื่อส่วนใหญ่ถูกล่อลวงด้วยโฆษณางานในต่างประเทศที่สัญญาว่าจะให้ค่าตอบแทนสูง แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกยึดพาสปอร์ตและกักขังในศูนย์อาชญากรรมไซเบอร์ จากนั้นถูกบังคับให้ทำงานต้มตุ๋นแทน
หลายคนกลายเป็นแรงงานทาสในยุคดิจิทัล ที่ถูกควบคุมทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ต่างจากการค้ามนุษย์ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้หน้ากากของ “งานที่มั่นคงและรายได้ดี”
ความท้าทายของรัฐบาลเกาหลีใต้
แม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะพยายามอย่างเต็มที่ในการปกป้องพลเมืองของตน แต่ก็ยังเผชิญข้อจำกัดมากมาย ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีเพียง 1 นาย ที่ประจำการอยู่ในสถานทูตเกาหลีใต้ ณ กรุงพนมเปญ
ด้วยข้อจำกัดด้านกำลังคนและอำนาจทางกฎหมาย สถานทูตไม่สามารถเข้าไปกู้ภัยหรือสืบสวนโดยตรงได้ ทำได้เพียงแนะนำให้เหยื่อที่สามารถติดต่อได้ไปแจ้งความกับตำรวจท้องถิ่นเท่านั้น
สถานการณ์เช่นนี้จึงทำให้การช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในศูนย์อาชญากรรมไซเบอร์เหล่านี้แทบเป็นไปไม่ได้
สังคมตั้งคำถาม: ใครควรรับผิดชอบ?
คดีการเสียชีวิตของปาร์คกลายเป็นกระจกสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งในกัมพูชาและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สังคมตั้งคำถามว่า เหตุใดแก๊งอาชญากรรมเหล่านี้จึงสามารถดำเนินการได้อย่างเปิดเผย มีการควบคุมสถานที่แน่นหนา แต่หน่วยงานรัฐกลับไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบหรือสลายเครือข่ายได้
หลายฝ่ายชี้ว่า นี่คือผลพวงของการทุจริตและความไร้ประสิทธิภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปล่อยให้กลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์เติบโตอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นปัญหาระดับนานาชาติ
บทเรียนจากโศกนาฏกรรม
การเสียชีวิตของชายเกาหลีใต้นามสกุลปาร์ค ไม่เพียงเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจสำหรับครอบครัวผู้สูญเสีย แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนที่ดังขึ้นไปทั่วทั้งภูมิภาค ว่าปัญหาการค้ามนุษย์และการหลอกลวงไซเบอร์กำลังลุกลามและไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป
หลายฝ่ายเรียกร้องให้มีความร่วมมือระดับนานาชาติ ทั้งจากรัฐบาลกัมพูชา เกาหลีใต้ และประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อกวาดล้างศูนย์อาชญากรรมไซเบอร์เหล่านี้ให้หมดไป มิฉะนั้นอาจเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สรุป
การพบศพชายเกาหลีใต้ในกัมพูชา สะท้อนถึงด้านมืดที่ซ่อนอยู่ภายในโลกดิจิทัล ศูนย์ต้มตุ๋นไซเบอร์ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งหลอกลวงทางการเงิน แต่ยังเป็นสถานที่ที่คุกคามชีวิตมนุษย์อย่างแท้จริง
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ครอบครัวของปาร์คต้องสูญเสียคนอันเป็นที่รัก แต่ยังส่งเสียงเตือนไปยังรัฐบาลและสังคมโลกว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องจริงจังกับการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ และสร้างความปลอดภัยให้กับผู้คนที่อาจตกเป็นเหยื่อในอนาคต
อ้างอิงจาก: The Korea Herald























