วัฒนธรรมไอดอลใต้ดินของญี่ปุ่นกำลังเฟื่องฟูในจีน
วงไอดอลจีนราวๆ 20 วง สวมชุดกระโปรงระบายสีสันสดใส และ สวมชุดสไตล์โลลิต้า ได้ขึ้นแสดงในงานดนตรีสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พิธีกรบางครั้งจะตะโกนเรียกผู้ชมเป็นภาษาญี่ปุ่น พร้อมกับตะโกนว่า "เซ-โนะ" [มารวมกันเดี๋ยวนี้!] หรือ "อะริกาโตะ-โกไซมาชิตะ" [ขอบคุณมาก!] และ หลังจบการแสดง แฟนๆต่างมาต่อแถวเพื่อพูดคุยกับเหล่าไอดอล ที่บูธของสถานที่จัดงาน กิจกรรมพบปะและทักทายนี้เรียกว่า "งานจับมือ" ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว จะเป็นบริการแบบเสียเงิน ซึ่งเหล่าแฟนๆจะได้ถ่ายรูปกับไอดอล แจกลายเซ็น และ พูดคุยกับสาวๆสัก 2-3 นาที...
จำนวนวงไอดอลใต้ดินในประเทศจีนพุ่ง สูงขึ้นนับตั้งแต่สิ้นสุดข้อจำกัดการระบาดใหญ่ จากประมาณ 40 วง ในปี 2023 มาเป็นกว่า 250 วงในเดือนมีนาคมปีนี้
แฟนคลับชาย ของวงไอดอล "Affloret" มอบช่อดอกไม้ให้กับสมาชิกคนโปรด ในวงอย่าง "ริธึ่ม" เป็นของขวัญวันเกิด พร้อมกล่าวว่า "ผมรักเธอมากและเฝ้าดูเธอเติบโตมาตลอด ผมหวังว่าเธอจะกลายเป็นไอดอลอันดับ 1 ของจีน" และ "ผมไม่สนคนอื่น ผมสนแค่ "ริธึ่ม" เท่านั้น!!"
ต้นสังกัดของวง "Affloret" กล่าวว่า "นักร้องกลุ่มนี้ หลายคนเคยเป็นพนักงาน ที่เคยทำงานเครือ AKB48 ที่เซียงไฮ้มาก่อน"
นับตั้งแต่ AKB48 ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2005 ก็ดำเนินกิจการภายใต้แนวคิด "ไอดอลที่แฟนๆ สามารถพบปะแบบสบายๆ" ผ่านการ "จับมือ" และ พบปะแบบเสียเงินในสถานที่ต่างๆ รวมถึงโรงละครในโตเกียว ที่อุทิศให้กับกลุ่มนี้โดยเฉพาะ หลังจากนั้นก็เกิดวงแนวเดียวกันขึ้นมามากมาย... ซึ่งรวมถึงวง Affloret ด้วย...
ในบรรดาสาวๆ ทั้ง 6 คนของวง Affloret มีเพียง "นายูยุ" เท่านั้นที่เป็นไอดอลเต็มตัว ในขณะที่คนอื่นๆเป็นนักศึกษา หรือ ทำงานพาร์ทไทม์ในวงการบันเทิง นอกเหนือจากงานหลัก...
"ริธึ่ม" กล่าวว่า "ฉันรู้สึกมีความสุขและมีบุญมาก ที่ได้ยืนอยู่บนเวที" และ "เป็นเรื่องดีที่สามารถแบ่งปันความรู้สึก ของฉันกับแฟนๆได้..."
"นายูยุ" กล่าวว่า "การออกเสียงภาษาญี่ปุ่น นั้นยากมาก!! เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ ไม่ได้เรียนญี่ปุ่นมาแบบจริงๆจังๆนั่นเอง"
สมาชิกวง Affloret กล่าวว่า "พวกเรามองวงไอดอลใต้ดินของญี่ปุ่น อย่าง AIBECK และ iLIFE เป็นแบบอย่าง" และ "เราหวังว่าจะได้แสดงร่วมกับพวกเขาในญี่ปุ่น!!"
ชายชาวญี่ปุ่นวัย 40 ปี ที่อาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ และ ติดตามไอดอลจีน กล่าวว่า "ผมคิดว่าความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุด ระหว่างวัฒนธรรมบันเทิงของญี่ปุ่นและจีน คือ ระยะห่างทางกายภาพระหว่างแฟนๆและนักร้อง" และ "ในญี่ปุ่นมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดและแฟนๆ จะต้องรักษาระยะห่างจากไอดอล แต่ที่นี่บรรยากาศจะผ่อนคลายกว่า ทำให้แฟนๆสามารถพูดคุยกับนักร้องได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น"






















