สื่อเขมรขู่แรง! สวีเดนจะเสียหน้าบนเวทีโลก ถ้ากล้าขาย “กริพเพน” ให้ไทย
สื่อกัมพูชาอ้างไทยใช้ “กริพเพน” รุกรานประเทศเพื่อนบ้าน เรียกร้องสวีเดนทบทวนสัญญาซื้อขาย
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 เว็บไซต์ข่าวกัมพูชา กัมปูเงียทะแมย์เดลี่ (Kampuchea Thmey Daily) ได้เผยแพร่รายงานข่าวโดยผู้สื่อข่าวชื่อ วัน เรีย (Ran Ray) ซึ่งกลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างทั้งในกัมพูชาและต่างประเทศ เนื่องจากรายงานดังกล่าวมีการกล่าวหาอย่างตรงไปตรงมาว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่จัดซื้อเครื่องบินขับไล่ “กริพเพน” จากสวีเดน และนำไปใช้ในปฏิบัติการรุกรานกัมพูชา
รายงานชิ้นนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่ชาวกัมพูชา และยังลุกลามไปถึงสังคมโลก เมื่อมีการตั้งคำถามต่อรัฐบาลสวีเดน ว่าการขายอาวุธให้กับไทยจะกระทบต่อชื่อเสียงและบทบาทของสวีเดนในเวทีระหว่างประเทศหรือไม่
สวีเดน: ประเทศที่มีภาพลักษณ์โปร่งใสและยืนหยัดด้านสิทธิมนุษยชน
นายวัน เรีย เขียนไว้ในรายงานว่า สวีเดนเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องมาอย่างยาวนานในด้านความโปร่งใสและการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน โดยมีบทบาทสำคัญในยุโรปและระดับนานาชาติ ทั้งในแง่การดำเนินนโยบายต่างประเทศที่เน้นหลักสิทธิมนุษยชน การสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออก ตลอดจนการให้เงินทุนสนับสนุนองค์กรระหว่างประเทศที่ทำงานด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน
อย่างไรก็ตาม รายงานเตือนว่า ภาพลักษณ์ที่ดีงามเหล่านี้อาจถูกสั่นคลอน หากสวีเดนยังคงเดินหน้าขายเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ Gripen E/F ให้แก่กองทัพไทย ขณะที่มีข้อกล่าวหาว่าไทยได้นำเครื่องบินรบรุ่นเก่าคือ Gripen C/D ไปใช้ในการโจมตีพลเรือนและแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมในกัมพูชา
รายงานอ้างเหตุการณ์ “การสู้รบ 5 วัน 5 คืน”
ในบทความของกัมปูเงียทะแมย์เดลี่ มีการกล่าวถึงการสู้รบที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 สิงหาคม ซึ่งสื่อกัมพูชาอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนที่บานปลายจนกองทัพไทยใช้กำลังทางอากาศ โดยนำเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D ที่จัดซื้อจากสวีเดนเมื่อปี 2008 และเข้าประจำการในปี 2011 รวมถึง F-16 Fighting Falcon ที่ได้รับจากสหรัฐฯ มาใช้ในการโจมตี
รายงานอ้างว่า การโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายไปที่ วัด โบราณสถานขึ้นทะเบียนมรดกโลก อาราม บ้านเรือนประชาชน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งสร้างความไม่พอใจในสังคมกัมพูชาและถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง
ประวัติการจัดซื้อ Gripen ของไทย
กองทัพอากาศไทยได้จัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Saab JAS 39 Gripen C/D จากสวีเดนในปี 2008 รวมทั้งหมด 12 ลำ โดยมีการส่งมอบและเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในปี 2011 ปัจจุบันไทยมี Gripen C/D ประจำการอยู่ 11 ลำ (อีก 1 ลำสูญเสียจากอุบัติเหตุ)
ล่าสุด รายงานของกัมพูชาระบุว่า คณะรัฐมนตรีไทยมีมติอนุมัติการจัดซื้อ Gripen รุ่นใหม่ E/F จำนวน 4 ลำ มูลค่ากว่า 19.5 พันล้านบาท (ประมาณ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเสริมกำลังรบทางอากาศของกองทัพไทย และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวน Gripen E/F ให้ครบ 12 ลำภายในปี 2029
ข้อกล่าวหาเรื่อง “อาชญากรสงคราม”
รายงานของวัน เรีย ได้ขยายประเด็นร้อนแรงไปถึงการกล่าวหาว่า ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของไทยกำลังเผชิญข้อกล่าวหาในฐานะ “อาชญากรสงคราม” เนื่องจากมีคำสั่งให้นำเครื่องบินรบ F-16 และ Gripen C/D ไปใช้ในการโจมตีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและพลเรือน ซึ่งตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศถือว่าเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ยังมีการอ้างว่ากัมพูชาอาจพิจารณานำกรณีนี้ขึ้นฟ้องร้องต่อ ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC – International Criminal Court) เพื่อเอาผิดไทยในข้อหาการก่ออาชญากรรมสงคราม โดยเฉพาะการใช้อาวุธร้ายแรงในการโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตพลเรือน
กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์
หลังรายงานดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดียของกัมพูชาและต่างประเทศ โดยประชาชนจำนวนมากเรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดน ทบทวนสัญญาการขายอาวุธให้ไทย เพราะหากยังคงขายเครื่องบินรุ่นใหม่ Gripen E/F ต่อไป สวีเดนอาจถูกมองว่าละเลยหลักการด้านสิทธิมนุษยชนที่เคยยึดถือมาโดยตลอด
บนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และ X (Twitter เดิม) มีทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติออกมาโพสต์ข้อความโจมตีการใช้อาวุธของไทย พร้อมติดแฮชแท็กเรียกร้องให้ #StopSellingArmsToThailand เพื่อกดดันรัฐบาลสวีเดน
ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แม้รายงานจากสื่อกัมพูชาจะยังไม่มีการยืนยันจากฝ่ายไทย แต่ก็สร้างแรงกดดันทางการทูตไม่น้อย โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า หากสถานการณ์บานปลาย อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าง ไทย – กัมพูชา – สวีเดน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1. ไทย – กัมพูชา
หากข้อกล่าวหาเป็นจริง ความสัมพันธ์ทางทหารและการทูตอาจเข้าสู่ภาวะตึงเครียด
กัมพูชาอาจใช้ช่องทางทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อกดดันไทย
2. ไทย – สวีเดน
สวีเดนอาจเผชิญแรงกดดันจากทั้งภายในประเทศและประชาคมโลกให้ทบทวนการขายอาวุธ
หากสวีเดนยังเดินหน้าขาย Gripen E/F อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ที่สั่งสมมานาน
3. กัมพูชา – สวีเดน
กัมพูชาอาจกดดันให้สวีเดนหยุดการส่งออกอาวุธแก่ไทย
ความสัมพันธ์อาจกระทบหากสวีเดนไม่ดำเนินการใด ๆ
เสียงวิพากษ์จากผู้เชี่ยวชาญ
นักวิชาการด้านความมั่นคงและกฎหมายระหว่างประเทศหลายคนได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ โดยชี้ว่า หากมีการนำอาวุธที่จัดซื้อในกรอบสัญญาระหว่างประเทศไปใช้โจมตีพลเรือนจริง ย่อมถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินคดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า ข่าวที่เผยแพร่อาจเป็นส่วนหนึ่งของ สงครามข้อมูลข่าวสาร (Information Warfare) ที่ใช้เพื่อสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลไทยและสวีเดน โดยเฉพาะในช่วงที่ไทยกำลังเดินหน้าโครงการจัดซื้อ Gripen E/F
บทสรุป
รายงานของสื่อกัมพูชาเรื่องการใช้เครื่องบินรบ Gripen C/D ของไทยในการโจมตีพลเรือนและแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในภูมิภาคและระดับนานาชาติ ขณะเดียวกันยังโยงไปถึงมิติด้านการทูต การค้าอาวุธ และภาพลักษณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของสวีเดน
แม้ฝ่ายไทยยังไม่มีการแถลงตอบโต้โดยตรง แต่ข้อกล่าวหาที่ถูกเผยแพร่ครั้งนี้กำลังกลายเป็นแรงกดดันต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไทย รัฐบาลกัมพูชา หรือแม้แต่รัฐบาลสวีเดนที่ต้องเผชิญกับคำถามว่า จะยังคงขายอาวุธให้ไทยต่อไปหรือไม่
สถานการณ์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และอาจกลายเป็นคดีตัวอย่างในอนาคต หากกัมพูชาตัดสินใจเดินหน้าฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศจริงตามที่รายงานได้กล่าวอ้าง















