เดือดสนั่นโซเชียล! เพจดังขุดปมพัวพัน “หลวงพ่ออลงกต” ทั้งสีกา-เงินบริจาค
เดือดทั้งโซเชียล! เพจดัง “ท่านเปา” โพสต์รัว แฉหลวงพ่ออลงกต-วัดพระบาทน้ำพุ ปมข่าวสีกาและการบริหารวัด จุดกระแสวิพากษ์สั่นสะเทือนวงการสงฆ์
วันที่ 17 สิงหาคม 2568 โลกออนไลน์ร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเพจชื่อดังอย่าง “ท่านเปา” ได้ออกมาโพสต์ต่อเนื่องหลายข้อความ โดยเจาะจงตั้งคำถามไปยัง พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี พระนักพัฒนาที่เคยได้รับการยกย่องอย่างสูงในสังคมไทย
โพสต์ดังกล่าวสร้างแรงสั่นสะเทือนในโลกโซเชียลทันที เพราะเพจท่านเปาได้พาดพิงถึงผู้หญิง 3 ราย ได้แก่ วรสุดา, คุณว่าน และน้องปอง ดอนเมือง โดยตั้งคำถามตรง ๆ ว่า บุคคลเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับหลวงพ่ออลงกต ขณะเดียวกันยังโยงไปถึงกระแสข่าวลือเรื่อง “สีกา” ที่เริ่มทวีความร้อนแรง จนทำให้ชื่อของเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุกลับมาอยู่บนหน้าฟีดอย่างไม่หยุดหย่อน
การเลื่อนแถลงข่าวปริศนา จุดชนวนข้อสงสัย
ประเด็นทั้งหมดเริ่มต้นจากการที่ทางวัดพระบาทน้ำพุประกาศ เลื่อนการแถลงข่าวแบบไม่มีกำหนด โดยไม่ได้ให้เหตุผลที่ชัดเจน สร้างความสงสัยแก่ผู้ติดตามจำนวนมาก
เพจท่านเปาจึงออกมาโพสต์ข้อความทิ้งระเบิดคำถาม โดยระบุว่า “โลก 3 ใบของเขาและเธอ ฝากถามหลวงพ่ออลงกต” พร้อมกับบอกใบ้ว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะมี ภาพหรือคลิปหลุด ออกมากดดันให้เจ้าอาวาสต้องลาสิกขา คล้ายกับกรณีในอดีตของ “สีกากอล์ฟ” ที่เคยเป็นข่าวใหญ่จนทำให้พระรูปหนึ่งต้องสึกกลางกระแสสังคม
ข่าวลือ “สีกาบ่อง” และหลักฐานวงใน
จากข้อมูลที่เพจท่านเปานำเสนอ ประกอบกับเสียงจาก “วงใน” ที่อ้างว่าใกล้ชิดวัดพระบาทน้ำพุ ระบุว่า หลวงพ่ออลงกตอาจ “ไม่รอด” ในประเด็นที่เรียกกันว่า “สีกาบ่อง” เนื่องจากมีการอ้างถึง “หลักฐานเชิงประจักษ์” ที่ยืนยันความสัมพันธ์ไม่เหมาะสมระหว่างเจ้าอาวาสกับสีกาบางราย
หากข้อกล่าวหานี้เป็นจริง ผลที่ตามมาคือ สถานะสมณเพศของหลวงพ่ออลงกตอาจสั่นคลอน จนถึงขั้นต้องพิจารณาลาสิกขา เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับอดีตพระสงฆ์ดังหลายรายในอดีตที่ถูกเปิดโปงความสัมพันธ์เชิงชู้สาว
ตรวจสอบอาคารเมตตาธรรม: จากศูนย์ดูแลผู้ป่วยสู่ตึกร้าง
ไม่เพียงแต่เรื่องส่วนตัวที่ถูกขุดคุ้ย เพจท่านเปายังได้เผยภาพและข้อมูลจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ อาคารเมตตาธรรม ภายในวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ดูแลผู้ป่วย HIV แต่ปัจจุบันกลับพบว่าอยู่ในสภาพทรุดโทรม
มีรายงานว่า ภายในอาคารดังกล่าวเต็มไปด้วย อุปกรณ์การแพทย์ที่ถูกทิ้งกระจัดกระจาย น้ำขังตามพื้น ห้องที่ไม่ได้รับการดูแล และประตูหน้าต่างที่ชำรุด จนกลายเป็นภาพสะเทือนใจผู้ที่เคยศรัทธาในบทบาทของวัดที่ดูแลผู้ป่วยมาก่อนหน้านี้
คำถามถึงความโปร่งใสในการรับบริจาค
อีกหนึ่งประเด็นร้อนคือเรื่อง การเปิดรับบริจาคต่อเนื่องของวัด โดยเพจท่านเปาตั้งคำถามว่า การบริหารจัดการเงินและทรัพย์สินจากการรับบริจาคมีความโปร่งใสมากน้อยเพียงใด
แม้วัดพระบาทน้ำพุจะเคยได้รับการยอมรับว่าเป็นสถานที่ดูแลผู้ป่วย HIV/AIDS รายใหญ่ที่สุดของประเทศ แต่ในปัจจุบันมีการระบุว่า จำนวนผู้ป่วยเหลือเพียง 125 รายเท่านั้น ทว่าการสื่อสารและการเปิดรับบริจาคยังคงใช้ตัวเลขที่สูงเกินจริง เหมือนกับว่ายังต้องดูแลผู้ป่วย “สามแสนคน” อยู่
ความไม่สอดคล้องกันระหว่าง “จำนวนผู้ป่วยจริง” กับ “การเปิดขอรับบริจาค” จึงทำให้สังคมเริ่มตั้งคำถามถึงความเหมาะสม และความโปร่งใสในการบริหารจัดการเงินบริจาคของวัด
กระแสโซเชียล: จากศรัทธาสู่วิกฤติความเชื่อมั่น
เหตุการณ์นี้ทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง บางส่วนยังคงให้กำลังใจหลวงพ่ออลงกต โดยยกเหตุผลว่าเจ้าอาวาสรูปนี้เคยทุ่มเทชีวิตในการดูแลผู้ป่วยและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสมาเป็นเวลานาน
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยกลับเริ่มตั้งข้อสังเกตว่า ศรัทธาที่มีต่อวัดและพระสงฆ์ไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดรับบริจาคเงินในจำนวนมหาศาลแต่ไม่สามารถชี้แจงได้ชัดเจนว่าเงินเหล่านั้นถูกนำไปใช้อย่างไร
เมื่อภาพลักษณ์ “พระนักพัฒนา” ถูกท้าทาย
หลวงพ่ออลงกตถือเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะ “พระนักพัฒนา” โดยเฉพาะการก่อตั้งวัดพระบาทน้ำพุให้กลายเป็นศูนย์กลางการดูแลผู้ป่วย HIV/AIDS ซึ่งเคยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เอกชน และประชาชนจำนวนมาก
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา วัดพระบาทน้ำพุได้รับบริจาคทั้งเงินสดและสิ่งของนับพันล้านบาท จนกลายเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศ แต่เมื่อปรากฏข่าวลือและข้อครหาในลักษณะนี้ขึ้นมา ย่อมส่งผลต่อ ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ อย่างรุนแรง
เสียงเรียกร้องให้ตรวจสอบอย่างเป็นทางการ
ท่ามกลางกระแสที่ร้อนแรง ชาวเน็ตจำนวนมากเรียกร้องให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และแม้แต่ตำรวจ เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน
ประเด็นที่ถูกเรียกร้องให้ตรวจสอบอย่างจริงจัง ได้แก่
1. ข้อเท็จจริงเรื่องความสัมพันธ์กับสีกา ว่ามีหลักฐานจริงหรือไม่
2. การบริหารจัดการเงินบริจาค ที่ควรโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเปิดเผยตัวเลขอย่างตรงไปตรงมา
3. การใช้ทรัพย์สินของวัด โดยเฉพาะอาคารและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ถูกทิ้งร้าง ว่ามีการจัดการที่เหมาะสมหรือไม่
บทสรุป: บททดสอบศรัทธาชาวพุทธ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 17 สิงหาคม 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญของวงการพระพุทธศาสนาในประเทศไทย เพราะไม่เพียงแต่กระทบชื่อเสียงของพระสงฆ์ผู้มีบทบาทสำคัญในสังคม หากแต่ยังส่งผลต่อ ศรัทธาของประชาชนโดยรวม
การสืบหาความจริงอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ จึงเป็นทางออกเดียวที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ ไม่ว่าจะยืนยันได้ว่าเป็นเพียงข่าวลือ หรือเป็นเรื่องจริงที่ต้องรับผิดชอบก็ตาม
สิ่งที่สังคมคาดหวังมากที่สุดในเวลานี้คือ ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการเคารพต่อความศรัทธาของประชาชน เพราะเมื่อศรัทธาถูกสั่นคลอน การฟื้นฟูจะเป็นเรื่องยาก และอาจส่งผลต่อภาพรวมของพระพุทธศาสนาไทยในระยะยาว
อ้างอิงจาก: เพจ ท่านเปา






















