ไวรัลวันพระ เปิดภาพมัดรวมพระสายปฏิบัติ 16 รูป ศรัทธาล้นโซเชียล
กระแสแรง! เพจดังปลุกกระแสวันพระด้วยการรวมภาพ 16 ภิกษุสงฆ์ ทั้งอดีตพระชื่อดังและพระที่ยังครองผ้าเหลือง จุดกระแสวิจารณ์ลั่นโซเชียล
ในยุคที่สังคมออนไลน์กลายเป็นศูนย์กลางของการสื่อสาร ความเชื่อ ศรัทธา และแม้แต่การวิพากษ์วิจารณ์ต่อวงการศาสนาก็ถูกนำเสนอผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ล่าสุด เฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อดัง “เกือบ ฮาละสัส” ได้สร้างปรากฏการณ์บนโลกออนไลน์อีกครั้ง ด้วยการโพสต์รวมภาพ 16 ภิกษุสงฆ์ชื่อดัง ทั้งที่ยังอยู่ในสมณเพศและอดีตพระที่เคยมีชื่อเสียง แต่สุดท้ายต้องลาสิกขาด้วยเหตุอื้อฉาว ต้อนรับวันพระ แรม 8 ค่ำ เดือน 9 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 17 สิงหาคม 2568
โพสต์ดังกล่าวถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ เรียกยอดไลก์ แชร์ และคอมเมนต์จำนวนมหาศาลในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง กลายเป็นทั้งความบันเทิงปนแสบสันต์ และในขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงลึกในวงการสงฆ์ไทยที่ยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างต่อเนื่อง
การรวมภาพ "คนผ้าเหลือง" ที่สะเทือนทั้งโซเชียล
โพสต์นี้มาพร้อมแคปชั่นสั้น ๆ “วันนี้วันพระ” แต่กลับสร้างแรงกระเพื่อมอย่างมหาศาล เนื่องจากเพจได้เลือกนำภาพพระและอดีตพระชื่อดังมาเรียงรายกันเป็นแผง มีทั้งผู้ที่ยังได้รับการเคารพศรัทธา และผู้ที่เคยตกเป็นข่าวฉาวจนกลายเป็นที่โจษจันไปทั่วประเทศ
บรรดาคนในโลกโซเชียลต่างเข้ามาคอมเมนต์หลากหลาย บ้างก็มองว่าเป็นการ “สะท้อนสัจธรรม” ที่ทำให้ชาวพุทธหันกลับมาตั้งคำถามถึงความศรัทธาที่มีต่อบุคคล บ้างก็วิจารณ์เชิงเสียดสี เช่น
“ไม่เหลือให้ได้กราบได้ไหว้กันเลยเนาะ 555”
“ตัดผมสกินเฮด ลุคแดดดี้ ทำงานในเครื่องแบบ กิน IF รายได้ passive income ครบ!”
“องค์คาดหัว พีคมาก”
เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังโพสต์ออกมา ยอดแชร์พุ่งเกินกว่า 1,000 ครั้ง ตอกย้ำถึงความสนใจของสังคมต่อสถานะและภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ในปัจจุบัน
พระและอดีตพระที่ถูกกล่าวถึง
ในบรรดาภาพที่ถูกนำมารวม มีทั้งพระที่ยังคงดำรงสมณเพศ และอดีตพระที่ต้องสึกเพราะคดีความหรือพฤติกรรมส่วนตัว โดยสองชื่อใหญ่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ได้แก่
1. อดีตพระกาโตะ
ชื่อที่เป็นกระแสฮือฮาในช่วงปีที่ผ่านมา เมื่อเจ้าตัวต้องลาสิกขาด้วยกรณีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับสีกาในพื้นที่เขื่อนดัง เรื่องนี้ไม่เพียงสะเทือนวงการสงฆ์ แต่ยังถูกนำไปทำเป็นมีมและเรื่องล้อเลียนในสังคมออนไลน์จำนวนมาก
2. อดีตพระเณรคำ
อีกหนึ่งชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ หลังศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้จำคุก 20 ปีในคดีฉ้อโกงประชาชน แม้ตอนแรกจะมีโทษสูงสุดกว่า 100 ปี แต่กฎหมายกำหนดให้จำคุกไม่เกิน 20 ปี คดีนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนถึงการใช้ศรัทธามาหาผลประโยชน์
นอกจากสองคนนี้ ยังมีพระและอดีตพระรูปอื่น ๆ ที่เคยสร้างชื่อเสียง ทั้งด้านการเทศน์และกิจกรรมทางสังคม แต่กลับมีข่าวฉาวโฉ่ที่ทำให้ศรัทธาของผู้คนสั่นคลอน
ปรากฏการณ์ “ไวรัลวันพระ” กับมุมมองต่อสังคม
การที่โพสต์ดังกล่าวได้รับความนิยมสูงไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หากแต่มันสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาวพุทธไทยกับพระสงฆ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในโลกยุคใหม่
1. ศรัทธาที่ถูกท้าทาย
ผู้คนเริ่มตั้งคำถามว่า การกราบไหว้บูชาพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งนั้น ควรยึดติดที่บุคคลหรือคำสอนในพระพุทธศาสนากันแน่
2. โซเชียลมีเดียกับการตรวจสอบ
แต่เดิมกรณีอื้อฉาวในวงการสงฆ์อาจถูกปกปิด แต่ปัจจุบันข่าวสารถูกเผยแพร่รวดเร็วผ่านโลกออนไลน์ การรวมภาพในครั้งนี้จึงเป็นเหมือน “ฐานข้อมูลทางสังคม” ที่ทำให้ผู้คนได้ย้อนมองประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
3. เสียดสีที่แฝงข้อคิด
แม้คอมเมนต์จำนวนมากจะออกมาในเชิงล้อเลียน แต่ในอีกด้านหนึ่งก็คือการตั้งคำถามเชิงวิพากษ์ถึงมาตรฐานของพระสงฆ์ในยุคปัจจุบัน
เสียงสะท้อนจากชาวเน็ต
ในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นแตกออกเป็นหลายกลุ่ม
กลุ่มที่เห็นด้วยกับเพจ : มองว่าเป็นการเตือนสติชาวพุทธให้ระลึกถึงการยึดมั่นในคำสอนมากกว่าตัวบุคคล
กลุ่มที่ไม่พอใจ : มองว่าการรวมภาพพระและอดีตพระในลักษณะนี้เป็นการไม่ให้เกียรติ และอาจถือเป็นบาปทางศาสนา
กลุ่มกลาง ๆ : มองว่าแม้จะเป็นโพสต์ที่ชวนหัวเราะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีข้อเท็จจริงที่สะท้อนปัญหาของวงการสงฆ์
เมื่อศาสนาพุทธเผชิญความท้าทายในยุคดิจิทัล
ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีพุทธศาสนิกชนมากที่สุดในโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ศรัทธาของผู้คนกลับถูกสั่นคลอนจากข่าวฉาวของพระสงฆ์ระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน เรื่องชู้สาว หรือการใช้ชีวิตหรูหราเกินสมณสารูป
การที่เพจดังเลือกนำภาพพระและอดีตพระเหล่านี้มาเผยแพร่พร้อมแคปชั่นสั้น ๆ อาจถูกมองว่าเป็นการล้อเลียน แต่ในอีกแง่หนึ่งก็สะท้อนความจริงว่า ศรัทธาในสังคมไทยกำลังเผชิญความเปราะบาง และต้องการการฟื้นฟูอย่างจริงจัง
บทสรุป
กระแส “ไวรัลวันพระ” ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงโพสต์ขำขันในโลกออนไลน์ แต่ยังเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนหลายมิติ ทั้งมุมมองของสังคมต่อพระสงฆ์ ปัญหาการเสื่อมศรัทธา และความเปลี่ยนแปลงของศาสนาในยุคโซเชียล
สิ่งที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่า การรักษาความศรัทธาของประชาชนไม่อาจพึ่งเพียงแค่ภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ แต่ต้องกลับไปที่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา คือคำสอนเรื่องความดี ความซื่อสัตย์ และการละกิเลส
ในท้ายที่สุด ไม่ว่าพระหรืออดีตพระจะมีข่าวฉาวเพียงใด หากพุทธศาสนิกชนยังยึดมั่นในหลักธรรมคำสอน ก็จะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ศรัทธาถูกสั่นคลอนง่าย ๆ






















