เสาไฟ ดรามากระแทกใจเมืองเชียงใหม่
เชียงใหม่ไม่เคยนอนนิ่ง… เมื่อจู่ๆ เสาไฟประติมากรรม “สุดเชยแต่แพง” กลายเป็นไวรัลแซ่บที่ฉุดไม่อยู่!
ใครจะคิดว่าเสาไฟธรรมดาๆ กลับกลายเป็นดราม่าสนั่นเมือง เรื่องราวเริ่มต้นจากการออกแบบเสาไฟฟ้าที่มองเผินๆ ดู “อลังการ” แต่พอทัวร์ลงโลกโซเชียล ความรู้สึกก็พลิกผันทันที—“เหมือนงานประถมตัดแปะ” ประโยควิจารณ์ที่ถูกคอมเมนต์ซัดอย่างไม่ไว้หน้า ความรู้สึกนี้คงไม่ต่างจากโดน “แฉกลางห้าง” เลยก็ว่าได้
เสียงโซเชียลสะเทือนแบบไม่ธรรมดา แชร์กันกระหน่ำ ทุกคนเข้าร่วมวงวิพากษ์วิจารณ์ แถมติดแฮชแท็กรัวๆ… จนกรมทางหลวงหรือหน่วยที่รับผิดชอบเห็นท่าไม่ดี ต้องประกาศ “ยุติโครงการ” ชั่วคราว และเข้าสู่กระบวนการทบทวนทันที
ลองจินตนาการกันดูว่า เสาไฟที่ดู “สวย” บนกระดาษ หรือจินตนาการออกแบบ อาจแฝงความไม่มีชีวิต ไร้ความสอดคล้องกับบริบทและอารมณ์ของผู้คนในพื้นที่ Chiang Mai ก็เป็นได้—จนกลายเป็น “งานประถม” ที่สร้างความไม่สบอารมณ์อย่างคาดไม่ถึง
ทันทีที่ภาพหลุดออนไลน์ ความรู้สึกที่ไม่ดีพุ่งเข้าหาผลงาน ภาพสวยๆ กลับกลายเป็นอารมณ์ตรึงแบบตรงเป้า ดึงทุกสายตาเข้าวิกฤติดราม่าที่ทางเหนือไม่ได้ร้องขอ ไม่ต่างจากหน้าหนังสือพิมพ์ฉีกแล้วถูกวิจารณ์เต็มด้านหน้า
ฝ่ายผู้รับผิดชอบจึงยืนยันว่า จะใช้เวลาทบทวนรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง ตรวจสอบให้มั่นใจว่าการออกแบบนั้น “คุ้มค่า โปร่งใส และสื่อสารได้ตอบโจทย์จริง” ตั้งแต่ราคาตัวอักษร ค่าโครงสร้าง การเลือกวัสดุ ไปจนถึงวิธีคิดเบื้องหลังงานออกแบบ—เพื่อให้ทุกบาททุกสตางค์ดู “ไม่เชย” ในสายตาสังคมไทย อีกทั้งให้เหมาะสมกับบริบทสถาปัตยกรรมและความงามในเมืองเชียงใหม่ที่ทุกคนหลงรัก
ดราม่านี้ไม่ใช่แค่เรื่อง “เสาไฟแพง-เชย” แต่สะท้อนถึง การออกแบบที่ขาดการฟังเสียงประชาชน เมื่อผลงานที่ตั้งใจให้ “อลัง” กลับถูกมองว่า “ไม่เข้ากับเมือง” ก็ยิ่งจุดชนวนให้สังคมตั้งคำถามถึงความคุ้มค่า โปร่งใส และรสนิยมของผู้ตัดสินใจ
สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ
งานสาธารณะต้องผูกพันกับความรู้สึกคนในพื้นที่
งบประมาณทุกบาทต้องตอบโจทย์ “คุณค่า” มากกว่า “ความหวือหวา”
ในยุคโซเชียล เสียงประชาชนคือแรงกดดันที่สามารถหยุดโครงการใหญ่ได้ทันที
สุดท้าย… “เสาไฟ” จึงไม่ใช่แค่เสาไฟ แต่คือกระจกสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับสังคม ที่ถ้าไม่ใส่ใจ ความงามก็อาจกลายเป็นความเจ็บปวด ได้ในพริบตา






















