เฉลยความจริง 'กัมพูชา' จ้างฝรั่งล็อบบี้ยิสต์ อ้างเป็นนักข่าวทำเนียบขาวสร้างเรื่องใส่ร้ายไทย
ลงทุนไปไหม ถึงขั้นใช้หน้าม้า
เฉลยความจริง 'กัมพูชา' จ้างฝรั่งล็อบบี้ยิสต์ อ้างเป็นนักข่าวทำเนียบขาวสร้างเรื่องใส่ร้ายไทย
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไทย–กัมพูชากลับมาเป็นที่จับตาอย่างเข้มข้นอีกครั้ง เมื่อมีรายงานจากหลายแหล่งข่าวระบุว่า “ฝ่ายกัมพูชา” ได้ว่าจ้างชาวต่างชาติซึ่งเป็นล็อบบี้ยิสต์มืออาชีพ แต่กลับถูกนำเสนอให้ดูเสมือนว่าเป็น “นักข่าวทำเนียบขาว” เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนใส่ร้ายประเทศไทย
📌 การว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ – แผนการเบื้องหลัง
การใช้ล็อบบี้ยิสต์ (Lobbyist) ในทางการเมืองระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายประเทศใช้บริการบุคคลเหล่านี้เพื่อติดต่อกับรัฐบาลหรือสื่อในต่างชาติ แต่กรณีล่าสุดนี้แตกต่างออกไป เพราะมีการนำบุคคลหนึ่งมาปลอมแปลงภาพลักษณ์ให้เหมือนเป็น “ผู้สื่อข่าวระดับสากล” มีสิทธิ์เข้าถึงทำเนียบขาว และสามารถรายงานข่าวที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้
เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง “ภาพลวงตา” ให้ผู้เสพข่าวเชื่อว่าประเทศไทยมีพฤติกรรมละเมิดสิทธิมนุษยชนและรุกรานเพื่อนบ้าน เพื่อกดดันทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจในเวทีนานาชาติ
🎭 หน้าม้าการเมือง – กลยุทธ์บิดเบือนข้อมูล
สิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักคือการใช้ “หน้าม้า” มาปลุกปั่นข่าวสารผ่านสื่อต่างประเทศ วิธีการนี้มักอาศัยความน่าเชื่อถือของสื่อระดับโลกบังหน้า เมื่อคนอ่านหรือผู้ฟังเชื่อว่าเป็นการรายงานจาก “สื่อชั้นนำ” ย่อมทำให้ข่าวปลอมมีน้ำหนักมากขึ้น
กรณีนี้ถูกเปิดโปงเพราะมีผู้ตรวจสอบพบว่า “นักข่าวทำเนียบขาว” ที่อ้างถึงจริง ๆ แล้วไม่ใช่นักข่าว หากแต่เป็นบุคคลที่มีประวัติรับจ้างทำงานล็อบบี้ทางการเมืองให้กับหลายรัฐบาลมาก่อนหน้า
⚖️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา
แม้ความพยายามดังกล่าวจะถูกเปิดโปง แต่ผลสะเทือนก็ยังเกิดขึ้นต่อภาพลักษณ์ของทั้งสองประเทศ ฝ่ายไทยมองว่านี่คือการ “บิดเบือนข้อเท็จจริง” และอาจทำลายบรรยากาศการเจรจาในหลายประเด็นร่วมกัน เช่น เรื่องชายแดน การค้า และความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายกัมพูชากลับถูกตั้งคำถามในสายตาสังคมโลกว่า การลงทุนใช้วิธีการเช่นนี้คุ้มค่าหรือไม่ เพราะนอกจากจะไม่สามารถทำลายชื่อเสียงไทยได้จริง ยังอาจส่งผลย้อนกลับให้กัมพูชาเองถูกมองว่าใช้ “เล่ห์การเมืองสกปรก”
การที่กัมพูชาถึงขั้นว่าจ้าง “ฝรั่งล็อบบี้ยิสต์” แล้วอ้างเป็น “นักข่าวทำเนียบขาว” เพื่อใส่ร้ายไทย นับเป็นการลงทุนที่น่าสงสัยว่าคุ้มค่าหรือไม่ เพราะเมื่อความจริงถูกเปิดโปง สิ่งที่เหลืออยู่คือคำถามต่อความน่าเชื่อถือของกัมพูชาเอง และกลายเป็นบทเรียนสำคัญว่าบนเวทีโลก การใช้ “หน้าม้า” อาจไม่ใช่ทางออก แต่เป็นการขุดหลุมฝังตัวเองทางการเมืองมากกว่า













