ทำไมผู้ต้องหา กลายเป็นคนดัง
เรื่องลุงพล น้องชมพู่ เป็นภาพสะท้อนที่โหดร้ายแต่น่าคิดของสังคมไทย เราเฝ้ามองผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมเด็กวัยสามขวบ ค่อย ๆ ถูกขับเคลื่อนจาก “คนในหมู่บ้าน” สู่ “เซเลบฯ ระดับประเทศ” ภายในเวลาไม่กี่เดือน
สื่อกระหน่ำเสนอทุกการกระทำของเขา ร้องไห้, ร้องเพลง, กินข้าว จนกลายเป็นคอนเทนต์ที่คนเสพติด ตลกร้ายคือ ลุงพลได้รับความสนใจมากกว่าพ่อแม่ผู้สูญเสียเสียอีก
บทเรียนที่ซ่อนอยู่
-
สื่อกับความบันเทิงแยกไม่ออก
รายการทีวีและเพจข่าวไม่ได้ทำหน้าที่แค่รายงาน แต่ดันสร้าง "เนื้อเรื่อง" แบบละครเรียลิตี้ คนดูไม่ได้เฝ้าตามหาความจริง แต่เฝ้าลุ้นเหมือนตามซีรีส์ว่า “วันนี้ลุงพลจะทำอะไรต่อ?” -
ความเห็นใจกลายเป็นความนิยม
เมื่อคนเห็นน้ำตาหรือท่าทีเสียใจ ก็พร้อมยกให้เป็นพระเอก ทั้งที่คดีเพิ่งเริ่มต้น หลักฐานยังไม่ชัด แต่สังคมกลับรีบเลือกข้าง พร้อมติดแฮชแท็ก #saveลุงพล -
อินเทอร์เน็ตช่วยขยายไฟ
จากรูปแต่งชัด ๆ ที่ปล่อยในเฟซบุ๊ก ไปจนถึงการทำคลิปยูทูบ ทุกอย่างทำให้ผู้ต้องสงสัยกลายเป็นไอดอล มีแฟนคลับ มีของบริจาค มีงานพรีเซ็นเตอร์ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในขณะที่คดียังไม่คลี่คลาย -
จากโศกนาฏกรรมสู่เศรษฐกิจใหม่
บ้านกกกอกไม่เพียงกลายเป็น “โลเคชันท่องเที่ยว” แต่ยังมีตลาดนัด ร้านค้า ยูทูบเบอร์ปักหลักทำมาหากิน ชีวิตคนทั้งหมู่บ้านถูกพ่วงเข้ามาในกระแสนี้ราวกับเป็นโชว์เรียลิตี้ระดับชาติ -
ชื่อเสียงที่สร้างบนความตาย
ในที่สุดเมื่อศาลตัดสินจำคุก ลุงพลจาก “ฮีโร่” ก็กลายเป็น “ฆาตกร” แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ ระหว่างทางเขาเคยถูกยกขึ้นหิ้งจนกลายเป็นแบรนด์ กลายเป็นสินค้าทางสังคม ทั้งที่ความจริงยังไม่ถูกพิสูจน์
นิไม่ใช่ครั้งแรกของโลก...กรณีแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่ในประเทศไทย ตะวันตกเองก็มี ฆาตกรต่อเนื่องบางคนถูกทำสารคดีจนดังเหมือนดารา หรือคดี O.J. Simpson ที่กลายเป็นโชว์ยาวหลายปี สังคมทั้งโลกต่างก็มีรสนิยมแปลกประหลาดที่ชอบทำให้ “ผู้ต้องหา” กลายเป็นวัตถุแห่งความบันเทิง
คำถามที่ควรทิ้งไว้
-
ทำไมเราถึงแยกไม่ออกระหว่าง ความจริงของคดี กับ ความสนุกของการเสพข่าว?
-
ทำไมความทุกข์ของครอบครัวเหยื่อจึงถูกกลบด้วยเสียงเชียร์ของแฟนคลับ?
-
และเราควรรับผิดชอบต่อการมีส่วนทำให้ผู้ต้องหากลายเป็นคนดังด้วยหรือไม่?
ครั้งหนึ่ง ลุงพลเคยถูกยกขึ้นเป็น “ฮีโร่ผู้บริสุทธิ์” ก่อนที่ศาลจะชี้ว่าเขาคือ “ฆาตกร” เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คดีฆาตกรรม แต่คือกระจกสะท้อนนิสัยสังคมเรามักเลือกเสพ “ดราม่า” มากกว่าความจริง
อยากให้บทความนี้ไม่ใช่แค่เล่าเรื่องลุงพลแต่โยงไปถึงพฤติกรรมการเสพข่าวของผู้คน
ว่าเราทุกคนต่างมีส่วนใน “การปั้นฆาตกรให้เป็นคนดัง” โดยไม่รู้ตัว
ขอขอบคุณภาพจาก: Manager Online, เนชั่น,ไทยรัฐ, อมรินทร์ และ เพจ FB โหนกระแส















