สรุปครบ! วิบากกรรม 1 ปีบนเก้าอี้นายกฯ ของ แพทองธาร ชินวัตร
ครบรอบ 1 ปี แพทองธาร ชินวัตร กับบทบาทนายกรัฐมนตรี คนที่ 31: เส้นทางการเมืองและความท้าทาย
วันที่ 16 สิงหาคม 2568 ถือเป็นวันครบรอบ 1 ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กของอดีตนายกรัฐมนตรีชื่อดัง นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย และกลายเป็นนายกฯ คนที่ 3 จากตระกูลชินวัตร ตามรอยพ่อและอาสาว การครบรอบ 1 ปีในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสสำคัญในการทบทวนเส้นทางการเมือง รวมถึงความท้าทายและวิกฤติที่ น.ส.แพทองธาร ต้องเผชิญตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา
จุดเริ่มต้นบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
วันที่ 16 สิงหาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ด้วยคะแนนเสียง 319 ต่อ 145 เสียง หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติ
การขึ้นสู่ตำแหน่งครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นครั้งแรกที่ น.ส.แพทองธาร รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในฐานะทายาททางการเมืองของตระกูลชินวัตร อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่บริหารประเทศท่ามกลางความคาดหวังของประชาชนและนักการเมืองทั้งในและต่างประเทศ
ตั้งแต่วันแรกบนเก้าอี้ผู้นำประเทศ น.ส.แพทองธาร ต้องเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากสื่อมวลชนและสังคมออนไลน์ รวมถึงการถูกจับจ้องในเรื่อง ความสามารถในการบริหารประเทศ และการตัดสินใจเชิงนโยบายต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ
การวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการใช้ iPad ระหว่างประชุมนานาชาติ
หนึ่งในประเด็นที่กลายเป็นข่าวโด่งดังและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ขณะที่ น.ส.แพทองธาร เข้าร่วม การประชุมนานาชาติกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD Summit) ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์
ระหว่างการประชุม น.ส.แพทองธาร ถูกจับภาพว่ากำลังใช้ iPad อ่านสคริปต์ ขณะกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม ซึ่งประเด็นนี้ก่อให้เกิดการถกเถียงในสังคมว่า การกระทำดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่สำหรับผู้นำประเทศ
อย่างไรก็ตาม น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า การใช้ iPad หรือแท็บเล็ตเป็นเครื่องมือช่วยเตรียมข้อมูลเป็นเรื่องปกติในการประชุมระดับโลก เพราะผู้นำหลายประเทศก็มีสคริปต์หรือโน้ตติดตัวเพื่อให้นำเสนอข้อมูลอย่างแม่นยำ การใช้เทคโนโลยีจึงไม่ใช่เรื่องผิดหรือเสียภาพลักษณ์อย่างที่หลายคนกังวล
มรสุมการเมืองและปัญหาพรมแดนไทย-กัมพูชา
ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ต้องเผชิญกับ ความท้าทายสำคัญด้านความมั่นคงและการเมืองระหว่างประเทศ หนึ่งในกรณีที่ร้อนแรงที่สุด คือ การเจรจาปัญหา พรมแดนไทย-กัมพูชา
ก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่เสียงสนทนาของอดีตผู้นำกัมพูชา ซึ่งบันทึกถึงการเจรจาระหว่างสองประเทศ ก่อให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความโปร่งใสและการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร
ผลจากเหตุการณ์นี้ ทำให้ ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องจากสมาชิกวุฒิสภา 36 คน และมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนถึงช่วงเวลาที่จะตัดสินคดี ซึ่งกำหนดไว้ในวันที่ 29 สิงหาคม 2568
สถานการณ์นี้สร้างแรงกดดันทางการเมืองอย่างมหาศาล ทั้งจากฝ่ายค้านและกลุ่มนักวิเคราะห์ ที่จับตามองการตัดสินใจเชิงนโยบาย และการเจรจาต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี
ความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคม
นอกจากประเด็นทางการเมืองแล้ว นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ยังต้องรับมือกับปัญหา เศรษฐกิจและสังคม ที่ซับซ้อน เช่น
1. การฟื้นตัวเศรษฐกิจหลังโควิด-19 – ต้องบริหารนโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงาน
2. ราคาพลังงานและค่าครองชีพ – ประชาชนจับตามองนโยบายช่วยเหลือราคาพลังงานและความมั่นคงด้านอาหาร
3. ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม – การจัดการทรัพยากรน้ำและโครงการชลประทานเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ
ทุกการตัดสินใจของ น.ส.แพทองธาร ถูกจับตามองทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยเฉพาะเรื่อง การสื่อสารกับประชาชน ซึ่งบางครั้งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดความชัดเจนหรือความโปร่งใส
ภาพลักษณ์และสื่อโซเชียล
นอกจากบทบาททางการเมืองและนโยบาย สื่อโซเชียลมีเดียยังเป็นสนามสำคัญที่ทดสอบความสามารถของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร
การใช้สื่อโซเชียล – น.ส.แพทองธาร มีการสื่อสารกับประชาชนผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่ออัปเดตนโยบายและโครงการต่าง ๆ
การตอบสนองต่อวิพากษ์วิจารณ์ – บางครั้งถูกวิจารณ์เรื่องการตอบสนองเชิงโต้ตอบหรือการชี้แจงข้อมูลที่ไม่ชัดเจน
การสื่อสารสาธารณะจึงเป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญ เพราะผู้นำต้องรักษาภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประชาชน
การเรียนรู้และบทสรุป
ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เผชิญทั้ง มรสุมทางการเมือง, ความท้าทายด้านเศรษฐกิจ, ปัญหาความมั่นคงระหว่างประเทศ และการสื่อสารกับประชาชน
การดำรงตำแหน่งในฐานะทายาททางการเมืองของตระกูลชินวัตร ทำให้เธอได้รับแรงกดดันจากหลายด้าน ทั้งจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองและสังคมที่จับตามองความสามารถในการบริหารประเทศ
ถึงแม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์หลายเรื่อง ตั้งแต่การใช้ iPad ระหว่างประชุมนานาชาติ ไปจนถึงการเจรจาปัญหาพรมแดนไทย-กัมพูชา แต่ น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่าพยายามทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ และการตัดสินใจทุกเรื่องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและความรอบคอบ
มุมมองต่ออนาคต
อนาคตของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร จะต้องเผชิญกับ บททดสอบครั้งใหญ่ในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ชะตาคดีเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งของเธอ
สิ่งที่สังคมจับตามอง คือ ความสามารถในการบริหารประเทศ, การตัดสินใจเชิงนโยบาย, และการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่า เธอจะสามารถยืนหยัดบนเก้าอี้ผู้นำประเทศต่อไปได้หรือไม่
บทสรุป ครบรอบ 1 ปีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นทั้ง โอกาสทบทวนความสำเร็จและความท้าทาย ของผู้นำประเทศคนใหม่ การเผชิญหน้ากับแรงกดดันทั้งจากการเมืองในประเทศและนานาชาติ ทำให้





















