น้ำตาแห่งการแสดง! เขมรวอนเปิดด่านหนองจาน
ดราม่าชายแดนไทย–กัมพูชา “เขมรการละคร” เกณฑ์ชาวบ้านบีบน้ำตา วินวอนเปิดจุดผ่านแดนบ้านหนองจาน
วันที่ 14 สิงหาคม 2568 สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชายังคงเป็นที่จับตาของสื่อและประชาชน หลังเพจเฟซบุ๊ก “Army Military Force” ซึ่งเป็นเพจข่าวสารด้านการทหารและชายแดน ออกมาโพสต์คลิปพร้อมข้อความระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณ จุดผ่านแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่ฝั่งกัมพูชาจังหวัดบันทายมีชัย
รายงานระบุว่าทหารกัมพูชามีการ เกณฑ์ชาวบ้านฝั่งกัมพูชา มาเป็นกลุ่มเพื่อยืนกดดันทหารไทย พร้อมทั้งร้องขอให้เปิดจุดผ่านแดนดังกล่าว โดยในเหตุการณ์มีทั้งการใช้ถ้อยคำอ้อนวอนและการบีบน้ำตา เพื่อสร้างภาพว่าฝั่งตนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
จุดผ่านแดนบ้านหนองจาน และความสำคัญทางยุทธศาสตร์
บ้านหนองจาน ตั้งอยู่ในเขต อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อการค้าชายแดนระหว่างไทย–กัมพูชา โดยปกติแล้ว ชาวบ้านทั้งสองฝั่งใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางข้ามไปมาซื้อขายสินค้าและเยี่ยมญาติพี่น้อง การปิดจุดผ่านแดนจึงส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากจุดผ่านแดนบ้านหนองจานแล้ว ยังมี จุดผ่อนปรนบ้านตาพระยา (หรือที่ชาวกัมพูชาเรียกว่า ด่านบึงตะกวน) ใน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งเชื่อมต่อกับพื้นที่ จ.บันทายมีชัย ของกัมพูชาเช่นกัน ทั้งสองจุดนี้ถือเป็นเส้นทางสำคัญทางเศรษฐกิจและการสัญจร
เหตุการณ์ตึงเครียด – ไทยยืนยัน “เป็นดินแดนอธิปไตยของไทย”
จากข้อมูลในโพสต์ของเพจ Army Military Force ระบุว่า ฝั่งกัมพูชามีการ นำชาวบ้านมาเป็น “โล่กำบัง” เพื่อสร้างแรงกดดันให้ทหารไทยนำ ยางรถยนต์และลวดหนามหีบเพลง ออกจากพื้นที่ และเปิดทางให้ชาวบ้านสามารถข้ามแดนได้ตามปกติ
แต่ทหารไทยได้ปฏิเสธคำขออย่างชัดเจน โดยยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นดินแดนอธิปไตยของประเทศไทย และการวางสิ่งกีดขวางเป็นมาตรการด้านความมั่นคง เพื่อป้องกันการบุกรุกหรือรุกล้ำพื้นที่ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านฝั่งกัมพูชาเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเคยสามารถเดินทางเข้า–ออกได้อย่างสะดวกในอดีต
“เขมรการละคร” – เกณฑ์ชาวบ้านร้องไห้ต่อหน้าคณะผู้แทนต่างชาติ
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน เวลาประมาณ 16.10 น. เพจ Army Military Force รายงานความคืบหน้าว่า ทหารกัมพูชาได้ เกณฑ์หญิงชาวบ้านฝั่งตน ให้มาแสดงบทบาทบีบน้ำตา ร้องไห้ และวิงวอนต่อหน้าทหารไทย ขอให้เปิดจุดผ่านแดนบ้านหนองจาน พร้อมกล่าวอ้างว่าฝั่งกัมพูชาได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการปิดทางดังกล่าว
สิ่งที่น่าสนใจคือเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ คณะผู้ตรวจการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team – IOT) ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย โดยมีผู้แทนจาก 7 ประเทศอาเซียน ได้แก่ บรูไน อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งได้เดินทางไปดูสภาพพื้นที่ รวมถึงยางรถยนต์และลวดหนามหีบเพลงที่กั้นอยู่บริเวณจุดผ่านแดน
มิติทางการเมืองและภาพลักษณ์ในสายตานานาชาติ
นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศมองว่าการกระทำลักษณะนี้ของฝั่งกัมพูชา อาจเป็นความพยายามสร้าง “ภาพทางอารมณ์” เพื่อให้ผู้แทนต่างชาติเกิดความเห็นใจ และมองว่าฝั่งไทยกำลังกีดกันการดำรงชีวิตของชาวบ้านบริเวณชายแดน
อย่างไรก็ตาม ฝั่งไทยมีจุดยืนชัดเจนว่า มาตรการปิดจุดผ่านแดนและวางสิ่งกีดขวางเป็นเรื่องความมั่นคง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทหรือเสี่ยงต่อการรุกล้ำพื้นที่ ซึ่งเป็นสิทธิ์ตามหลักสากลของรัฐอธิปไตย
มุมมองจากสังคมไทย – “การแสดง” มากกว่าความจริง
เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ของไทย หลายคนมองว่าเหตุการณ์นี้เป็น “การจัดฉาก” หรือ “ละคร” มากกว่าจะเป็นสถานการณ์เดือดร้อนจริง หลายคอมเมนต์ในโซเชียลไทยระบุว่า การบีบน้ำตาต่อหน้าคณะผู้แทนต่างชาติเป็นกลยุทธ์สร้างภาพ ซึ่งไม่ได้สะท้อนสถานการณ์จริง 100%
แม้จะมีความเห็นแตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ชาวเน็ตไทยจำนวนมากยังคงสนับสนุนจุดยืนของทหารไทย ที่ปฏิเสธการเปิดจุดผ่านแดนจนกว่าจะมีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคง
ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา และข้อพิพาทชายแดน
ข้อพิพาทชายแดนไทย–กัมพูชามีประวัติยาวนาน ส่วนหนึ่งเกิดจากเส้นเขตแดนที่ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่ติด จ.สระแก้ว และ จ.บันทายมีชัย ซึ่งมีทั้งปัญหาการลักลอบข้ามแดน การลักลอบขนสินค้าผิดกฎหมาย และข้อกล่าวหารุกล้ำดินแดน
แม้ทั้งสองประเทศจะมีการหารือในระดับรัฐบาลอยู่เป็นระยะ แต่ความตึงเครียดก็ยังคงปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์หรือกิจกรรมใด ๆ ที่ถูกมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ในพื้นที่
สรุปสถานการณ์ – เกมภาพลักษณ์หรือความเดือดร้อนจริง?
เหตุการณ์ “เขมรการละคร” ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของปัญหาชายแดน ที่ไม่ได้มีแค่ประเด็นทางภูมิศาสตร์หรือเศรษฐกิจ แต่ยังมีการใช้ ยุทธวิธีด้านสื่อสารมวลชน เพื่อสร้างภาพในเวทีนานาชาติ
ในมุมมองของไทย การปฏิเสธเปิดจุดผ่านแดนเป็นการป้องกันผลกระทบด้านความมั่นคง แต่ในสายตาฝั่งกัมพูชา อาจถูกนำเสนอว่าเป็นการทำให้ประชาชนเดือดร้อน การสร้างฉากร้องไห้และบีบน้ำตาอาจเป็นเพียง “บทบาท” หนึ่งในเวทีการต่อรองทางการเมือง
---
อ้างอิงจาก: เพจเฟซบุ๊กArmy Military Force





















