วัดพระบาทน้ำพุแจงเหตุทิ้งของบริจาค หมดอายุก่อนใช้
วัดพระบาทน้ำพุเปิดโกดังชี้แจงปม “ทิ้งของบริจาค” – เจอยาบางชนิดยังไม่หมดอายุถูกทิ้ง ชาวเน็ตตั้งคำถามรอคำอธิบายเพิ่มเติม
ประเด็นร้อนที่สังคมจับตา
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา สังคมไทยต่างให้ความสนใจและติดตามข่าวเกี่ยวกับ วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งเป็นสถานที่ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์มายาวนาน โดยมีชื่อเสียงทั้งในด้านการช่วยเหลือผู้ป่วยและการรับบริจาคสิ่งของเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของวัด
เหตุการณ์ครั้งนี้เริ่มต้นจากกระแสข่าวและการเปิดเผยของ หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ ที่พูดถึงการทำงานและการจัดการสิ่งของบริจาคของวัด จนทำให้ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามว่า การบริจาคสิ่งของไปยังวัดนั้น ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จริงหรือไม่
ภาพสิ่งของบริจาคถูกทิ้ง – จุดเริ่มของกระแสวิจารณ์
ในระหว่างที่สื่อมวลชนหลายสำนักเข้าไปติดตามตรวจสอบเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ปรากฏว่ามีการพบ กองสิ่งของบริจาคจำนวนมากถูกกองทิ้งไว้ ในพื้นที่วัด โดยสิ่งของเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับการดูแลหรือคัดแยก ทำให้ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว
ภาพสิ่งของที่ถูกกองไว้กลางแจ้ง รวมถึงเครื่องใช้ต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคบางรายการ กลายเป็นหัวข้อถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคม หลายคนตั้งคำถามว่าเหตุใดสิ่งของเหล่านี้จึงไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ ทั้งที่มาจากน้ำใจของผู้บริจาค
วัดพระบาทน้ำพุเปิดโกดังให้สื่อเข้าตรวจสอบ
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่วัดพระบาทน้ำพุได้อนุญาตให้ทีมข่าว ช่องวัน เข้าไปตรวจสอบโกดังเก็บสิ่งของบริจาคภายในวัด พร้อมชี้แจงถึงกระบวนการทำงานอย่างละเอียด
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ทางวัดมีระบบการคัดแยกสิ่งของบริจาคตามประเภทและวันหมดอายุอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถจัดสรรสิ่งของเหล่านี้ไปให้ผู้ป่วยในโครงการต่าง ๆ ของวัดได้อย่างเหมาะสม โดยเน้นว่าทุกสิ่งของต้องผ่านการตรวจสอบก่อนนำไปใช้งาน
คำอธิบายเรื่องสิ่งของที่ถูกทิ้ง
สำหรับภาพสิ่งของที่ถูกกองทิ้งอยู่นอกโกดัง เจ้าหน้าที่วัดยอมรับว่าเป็นของบริจาคจริง แต่เป็นของที่ หมดอายุแล้วทั้งหมด จึงไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า การทำลายสิ่งของหมดอายุต้องใช้เวลาและบุคลากร ซึ่งในปัจจุบันวัดมีบุคลากรจำกัด ทำให้บางสิ่งของที่หมดอายุแล้วต้องกองรอการทำลายอยู่ในพื้นที่ชั่วคราว
ข้อกล่าวหาว่าเป็น “ของเหลือ” และมุมมองของวัด
เจ้าหน้าที่ยังเผยข้อมูลที่สร้างแรงสะเทือนใจว่า สิ่งของบริจาคส่วนใหญ่ที่ทางวัดได้รับมักเป็นของเหลือ ซึ่งมีอายุการใช้งานสั้นและใกล้หมดอายุ น้อยครั้งที่จะมีผู้ซื้อของใหม่หรือของที่มีอายุการใช้งานนานมาบริจาค
ประเด็นนี้นำไปสู่คำถามเชิงจริยธรรมว่า การนำของเหลือมาบริจาคให้ผู้ป่วยนั้นถือเป็นการช่วยเหลือหรือเป็นการดูถูกผู้ป่วยโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่วัดก็ยอมรับว่าตนเองก็ไม่แน่ใจว่าควรมองประเด็นนี้อย่างไร
การจัดการสิ่งของที่ยังใช้ได้
นอกจากการคัดแยกสิ่งของหมดอายุแล้ว วัดยังมีการจัดการสิ่งของที่ยังใช้ได้ โดยมีการอธิบายว่า
ข้าวสาร – บางครั้งได้รับมากเกินกว่าที่ผู้ป่วยจะบริโภคทัน วัดจึงนำออกจำหน่ายเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนและจัดการด้านค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
น้ำดื่ม – หากหมดอายุแล้วจะไม่นำมาดื่มโดยตรง แต่จะนำไปทำเป็นน้ำแข็งสำหรับใช้ภายในวัด
เจ้าหน้าที่ย้ำว่า การจำหน่ายหรือดัดแปลงสิ่งของเหล่านี้ทำไปเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วยและการดำเนินงานของวัด
จุดเปลี่ยน – เจอยาบางชนิดยังไม่หมดอายุแต่ถูกทิ้ง
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการตรวจสอบ ทีมข่าววันนิวส์กลับสังเกตเห็นสิ่งที่ขัดแย้งกับคำชี้แจงของวัด คือ มียาบางรายการที่ยังไม่หมดอายุถูกกองรวมอยู่กับสิ่งของรอการทำลาย
หนึ่งในนั้นคือ ยาธาตุน้ำแดง ซึ่งมีวันหมดอายุในปี พ.ศ. 2570 หมายความว่ายังสามารถใช้ได้อีกอย่างน้อย 2 ปีเต็ม ข้อเท็จจริงนี้สร้างความสงสัยให้กับทั้งทีมข่าวและประชาชนที่ติดตามข่าว
กระแสในโลกออนไลน์ – ชาวเน็ตเรียกร้องคำอธิบายเพิ่ม
เมื่อข้อมูลนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ กระแสวิพากษ์วิจารณ์ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดของที่ยังไม่หมดอายุจึงถูกจัดไว้ในกองรอการทำลาย
ข้อสงสัยที่ถูกพูดถึง เช่น
เป็นความผิดพลาดในการคัดแยกของหรือไม่
มีปัญหาเรื่องคุณภาพของสิ่งของ แม้จะไม่หมดอายุแต่ไม่เหมาะแก่การใช้หรือไม่
หรือมีเหตุผลภายในที่ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
จนถึงขณะนี้ วัดพระบาทน้ำพุยังไม่ได้ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการถึงกรณีสิ่งของที่ยังไม่หมดอายุแต่ถูกทิ้ง
บทเรียนและข้อคิด
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นประเด็นสำคัญหลายประการ ได้แก่
1. ความโปร่งใสในการจัดการสิ่งของบริจาค – องค์กรหรือสถานที่ที่รับบริจาคต้องมีระบบจัดการที่ชัดเจนและเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
2. บทบาทของสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย – การตรวจสอบและนำเสนอข้อมูลมีส่วนสำคัญต่อการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องทำอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด
3. จิตสำนึกของผู้บริจาค – การบริจาคสิ่งของควรคำนึงถึงคุณภาพและความเหมาะสมต่อผู้รับ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นการกำจัดของเหลือ
สรุป
ปม “ทิ้งของบริจาค” ของวัดพระบาทน้ำพุยังคงเป็นประเด็นที่สังคมจับตามองอย่างใกล้ชิด แม้วัดจะออกมาชี้แจงแล้วว่าส่วนใหญ่เป็นของหมดอายุและไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่การพบสิ่งของบางอย่างที่ยังไม่หมดอายุแต่กลับถูกทิ้ง ยังคงเป็นข้อสงสัยที่ต้องการคำตอบอย่างชัดเจน
ในระยะต่อไป ประชาชนต่างรอคอยการชี้แจงอย่างโปร่งใสจากทางวัด เพื่อคลายข้อกังขาและฟื้นฟูความเชื่อมั่นในกระบวนการจัดการสิ่งของบริจาคให้กับผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง









