กัน จอมพลัง ขออนุญาตแฟนคลับระดมทุนซื้อรถให้น้องทหาร
กัน จอมพลัง ประกาศช่วยน้องทหารแนวหน้า หลังรถโดนปะทะเสียหายหนัก เหลือใช้ในฐานเพียงคันเดียว เตรียมระดมทุนซื้อคันใหม่
วันที่ 13 สิงหาคม 2568 โลกออนไลน์เกิดกระแสซึ้งและชื่นชมในน้ำใจของ นายกัณฐ์ศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ “กัน จอมพลัง” นักเคลื่อนไหวและผู้ก่อตั้ง “มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้” หลังเจ้าตัวได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “กันจอมพลัง ช่วยสู้” เพื่อขอความเห็นจากแฟนคลับและผู้ติดตาม ในการช่วยเหลือ น้องทหารชั้นผู้น้อยประจำแนวชายแดนศรีสะเกษ ที่กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนยานพาหนะอย่างหนัก
เหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้น
กัน จอมพลัง ระบุว่า ได้รับภาพและข้อมูลจากน้องทหารชั้นผู้น้อยที่ประจำการอยู่แนวหน้า พื้นที่ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ โดยทหารรายนี้ใช้รถยนต์ส่วนตัวของตนเองในการช่วยลำเลียงเสบียงและสิ่งของจำเป็นเข้าสู่ฐานปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตาม รถคันดังกล่าวกลับได้รับความเสียหายอย่างหนักในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ หลังเกิดเหตุปะทะกับฝ่ายกัมพูชา โดยกัน จอมพลังใช้คำว่า “โดนบั้มเละ” หมายถึงได้รับการชนหรือปะทะจนสภาพพังเกือบใช้การไม่ได้ แม้จะเพิ่งผ่อนค่างวดหมดไม่นาน
ความลำบากในแนวหน้า
ตามข้อมูลที่กัน จอมพลังเผย ปัจจุบันที่ฐานปฏิบัติการดังกล่าวเหลือรถยนต์ที่สามารถใช้งานได้เพียง หนึ่งคัน ซึ่งก็เป็นรถของทหารชั้นผู้น้อยอีกคนหนึ่ง แต่สภาพก็เก่ามากและถูกสะเก็ดจากเหตุปะทะจนพรุนไปทั่วทั้งคัน ทำให้การลำเลียงเสบียง อาวุธ หรือการเคลื่อนย้ายกำลังพลทำได้ยากขึ้น
สภาพความเป็นอยู่ในแนวหน้ามีความกันดารและเสี่ยงภัยสูงอยู่แล้ว การขาดยานพาหนะยิ่งทำให้การปฏิบัติภารกิจมีความยากลำบากมากขึ้น ทั้งในด้านความปลอดภัยและความรวดเร็วในการสนับสนุนเพื่อนทหารที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง
น้ำใจจาก “กัน จอมพลัง” และแฟนคลับ
กัน จอมพลัง ระบุในโพสต์ว่า หลังทราบเรื่องตนได้ประสานกับผู้ใหญ่ในกองทัพเพื่อหาทางช่วยเหลือ พร้อมทั้งหารือกับมูลนิธิของตนเพื่อจัดหารถคันใหม่ให้กับน้องทหารที่ประสบเหตุ โดยมีเงื่อนไขว่าจะดำเนินการทันทีหากแฟนคลับและผู้ติดตามเห็นด้วย
เขาได้เขียนข้อความเชิงขออนุมัติว่า
“ขออนุมัติจากทุกคนครับ ถ้าทุกคนโอเค จัดให้ทันทีครับ”
ข้อความดังกล่าวสร้างกระแสตอบรับอย่างรวดเร็ว มีผู้ติดตามเข้ามากดไลก์และคอมเมนต์ให้กำลังใจน้องทหาร รวมถึงชื่นชมในน้ำใจของกัน จอมพลังที่พร้อมลงมือช่วยเหลือทันที
สถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียด
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีประวัติความขัดแย้งด้านพรมแดนมาอย่างยาวนาน แม้ปัจจุบันจะไม่มีการสู้รบอย่างเปิดเผย แต่ก็ยังมีเหตุปะทะเป็นครั้งคราว รวมถึงการลาดตระเวนและตรึงกำลังทั้งสองฝ่าย
ในพื้นที่ดังกล่าว ทหารชั้นผู้น้อยมักต้องทำหน้าที่หลายอย่างพร้อมกัน ทั้งการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และลำเลียงเสบียงหรือยุทธภัณฑ์ให้ถึงแนวหน้า ซึ่งในบางครั้งต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวแทนรถของกองทัพที่มีจำกัด
ปัญหาการใช้รถส่วนตัวของทหาร
แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การใช้รถส่วนตัวในภารกิจทางทหารเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความขาดแคลนของกำลังพลในพื้นที่เสี่ยง บ่อยครั้งที่รถเหล่านี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานหนักในสภาพภูมิประเทศขรุขระ เมื่อเกิดเหตุปะทะหรือถูกสะเก็ดระเบิด ความเสียหายจึงมีมากและซ่อมยาก
ในกรณีนี้ รถของน้องทหารเพิ่งผ่อนหมด แต่กลับต้องมาพังเสียหายจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อการทำงาน แต่ยังสร้างภาระทางการเงินให้กับเจ้าของรถ
การช่วยเหลือที่มากกว่า “การซื้อรถ”
แม้จุดประสงค์หลักของกัน จอมพลังคือการจัดหารถคันใหม่ให้กับน้องทหาร แต่ในเชิงสัญลักษณ์ การช่วยครั้งนี้ยังเป็นการส่งกำลังใจให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในแนวหน้า ว่าไม่ได้ถูกลืมหรือถูกปล่อยให้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง
นอกจากนี้ การช่วยเหลือยังอาจเป็นการกระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการจัดสรรทรัพยากรในพื้นที่ชายแดนให้เพียงพอ ลดการพึ่งพารถส่วนตัวของทหาร และเพิ่มความปลอดภัยในภารกิจ
เสียงจากโซเชียลมีเดีย
หลังโพสต์ของกัน จอมพลังถูกเผยแพร่ มีคอมเมนต์จำนวนมากจากชาวเน็ต เช่น
“น้องทหารเสียสละขนาดนี้ ควรได้รับการช่วยเหลือด่วนค่ะ”
“พร้อมโอนช่วยครับ ขอให้ได้รถใหม่ไว ๆ”
“ชื่นชมคุณกันครับ ทำจริงช่วยจริง”
นอกจากการให้กำลังใจ ยังมีหลายคนสอบถามวิธีการร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนการซื้อรถคันใหม่ บางรายเสนอจะบริจาคสิ่งของหรืออุปกรณ์เสริม เช่น ยางอะไหล่ น้ำมัน และชุดซ่อมฉุกเฉิน
บทบาทของมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้
“มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้” ก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้เดือดร้อนในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งพลเรือนและกำลังพลทหาร–ตำรวจ เคยมีผลงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ผู้ป่วยยากไร้ รวมถึงการระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่
กรณีล่าสุดนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่มูลนิธิและผู้ติดตามสามารถมีส่วนร่วมโดยตรง ผ่านการสนับสนุนด้านการเงินเพื่อจัดหารถคันใหม่ให้ถึงมือผู้ปฏิบัติหน้าที่จริงในแนวหน้า
สรุป
กรณีน้องทหารแนวหน้าที่รถถูกทำลายจนไม่สามารถใช้งานได้ กลายเป็นตัวอย่างของความท้าทายที่กำลังพลในพื้นที่ชายแดนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงต่อชีวิต การขาดแคลนทรัพยากร หรือการต้องใช้ทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อภารกิจของชาติ
น้ำใจจากบุคคลและองค์กรภาคเอกชน เช่น กัน จอมพลัง และมูลนิธิของเขา จึงมีความสำคัญไม่น้อย เพราะช่วยบรรเทาภาระของทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ และยังเป็นแรงกระตุ้นให้สังคมเห็นคุณค่าของผู้ที่ยืนหยัดปกป้องชายแดน
“ถ้าทุกคนโอเค จัดให้ทันที” — คำพูดนี้ของกัน จอมพลัง อาจเป็นเพียงประโยคสั้น ๆ แต่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะลงมือช่วยเหลือโดยไม่รีรอ เพื่อให้คนที่เสียสละเพื่อชาติได้รับสิ่งที่สมควรได้อย่างรวดเร็วที่สุด







