“แรงงานอีวีสะเทือน! Ford ไฟเขียว ‘สมัครใจลาออก’ พนักงานโรงงานรถไฟฟ้าโคโลญจน์ สัญญาณอะไรซ่อนอยู่?”
เมื่อพูดถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลายคนมักมองว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับสิ่งแวดล้อมและอนาคตการเดินทาง แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งก็มีแรงสั่นสะเทือนที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะกับพนักงานและแรงงานในอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่
ล่าสุดข่าวใหญ่ที่ทำให้หลายคนหันกลับมาจับตาคือการตัดสินใจของ Ford บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่ได้บรรลุข้อตกลงให้พนักงานโรงงานผลิตรถไฟฟ้าในเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี สามารถ “สมัครใจลาออก” ได้ เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตที่กำลังมีปัญหา
เกิดอะไรขึ้นที่โคโลญจน์?
โรงงานของ Ford ในเมืองโคโลญจน์ ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับตลาดยุโรปที่สำคัญ โรงงานนี้เพิ่งได้รับการปรับปรุงมูลค่าหลายพันล้านยูโร เพื่อเปลี่ยนจากการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน มาสู่การประกอบรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบตามเป้าหมายใหญ่ของ Ford ที่ประกาศว่าจะขายเฉพาะรถไฟฟ้าในยุโรปภายในปี 2030อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งความเป็นจริง เส้นทางของอีวีไม่ได้สวยหรูไปหมด ความท้าทายด้านต้นทุนการผลิตที่สูง ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และอัตราการขายที่ยังไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้ Ford ต้องยอมรับว่าโรงงานโคโลญจน์ประสบปัญหาเรื่องกำลังการผลิตเกินความต้องการจริงทางออกที่ Ford เลือกใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างแบบบังคับ Ford จึงหันไปใช้วิธี สมัครใจลาออก (Voluntary Redundancies) แทน โดยพนักงานที่สมัครใจจะได้รับค่าชดเชยและเงื่อนไขพิเศษเพื่อลดแรงกระแทกทางเศรษฐกิจ วิธีนี้มักถูกใช้ในอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ในยุโรปที่มีสหภาพแรงงานเข้มแข็ง เพื่อหลีกเลี่ยงภาพลักษณ์การปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งแม้ Ford จะไม่ได้เปิดเผยจำนวนพนักงานที่จะออกตามโครงการนี้ แต่หลายฝ่ายประเมินว่าน่าจะมีจำนวนหลายร้อยคน ซึ่งสะท้อนชัดว่าแม้การผลิต EV จะเป็นอนาคต แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะได้อยู่ในระบบไปพร้อมกัน
แรงกระเพื่อมที่แรงงานอีวีต้องเจอ
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดแค่กับ Ford หรือแค่ในเยอรมนี อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญโจทย์เดียวกัน คือการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์น้ำมันไปสู่ไฟฟ้า ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบการผลิตไปอย่างสิ้นเชิง รถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนเครื่องยนต์น้อยลง ใช้ระบบไฟฟ้าและซอฟต์แวร์มากขึ้น ทำให้ตำแหน่งงานบางประเภทอาจไม่จำเป็นอีกต่อไปผลคือแม้อุตสาหกรรมจะดูสดใส แต่แรงงานในสายการผลิตกลับเสี่ยงถูกลดบทบาท หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องปรับทักษะใหม่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพนักงานที่ทำงานด้านเดิมมาหลายสิบปี
เสียงสะท้อนและคำถามใหญ่
ในเยอรมนี สหภาพแรงงานยักษ์ใหญ่อย่าง IG Metall เฝ้าจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พวกเขาย้ำว่าบริษัทต้องดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ของคนที่ถูกผลักออกไปจากสายพานการผลิตให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันก็ผลักดันให้มีมาตรการอบรมทักษะใหม่ เพื่อให้คนเหล่านี้กลับมาอยู่ในตลาดแรงงานได้อีกครั้ง
นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่ากรณี Ford โคโลญจน์ อาจเป็น “สัญญาณเตือน” สำหรับอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าทั้งยุโรป ว่าการเปลี่ยนผ่านต้องมาพร้อมแผนจัดการแรงงาน ไม่เช่นนั้นกระแสอีวีที่โลกมองว่าสวยงาม อาจสร้างแรงปะทะทางสังคมในประเทศผู้ผลิตได้ไม่ยาก
✅ สรุป
- Ford ตัดสินใจให้พนักงานโรงงาน EV ในโคโลญจน์ สมัครใจลาออกเพื่อลดต้นทุน
- สาเหตุหลักมาจากยอดผลิตและยอดขายที่ยังไม่เป็นไปตามเป้า
- อุตสาหกรรมรถไฟฟ้าทั่วโลกกำลังเผชิญแรงกดดันเรื่องโครงสร้างแรงงาน
- สหภาพแรงงานจับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อปกป้องสิทธิพนักงาน
- การเปลี่ยนผ่านสู่ EV สวยงาม แต่แรงงานต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นธรรม
กาแฟแก้วต่อไปที่คุณจิบอาจยังไม่เกี่ยวกับ EV แต่รถคันต่อไปที่คุณขับ อาจเปลี่ยนรูปแบบโรงงาน ผลักดันคนออกจากสายพาน และท้าทายแรงงานแบบที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้สำคัญ อย่าลืมกดแชร์ต่อ เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้กระทบแค่รถบนถนน แต่ยังหมายถึงชีวิตคนทำงานอีกนับหมื่นคนทั่วโลก 🌍⚡
อ้างอิงจาก: bbc cnn





















