การประท้วงที่บุกยึดรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ของกลุ่มยิว Jewish Voice for Peace
- การประท้วงเกิดขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคม 2566 เพื่อส่งเสียงเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดสนับสนุนอิสราเอลในการโจมตีปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา
- ผู้เข้าร่วมการประท้วงมีชาวยิวอย่างน้อย 100 คน เป็นสมาชิกของ Jewish Voice for Peace องค์กรยิวต่อต้านไซออนิสต์และสวมเสื้อยืดที่มีคำว่า "ยิวพูดคำว่าหยุดยิงเดี๋ยวนี้" และ "ไม่ใช่ในนามของเรา"
https://www.instagram.com/p/Cyj8_3wAXPm/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==
- ผู้ประท้วง Jewish Voice for Peace บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาและกางป้ายข้อความขนาดใหญ่ ที่มีใจความว่า "หยุดหยิง" และ "ปล่อยกาซาให้มีชีวิต"
- ผู้ประท้วง ถูกตำรวจจับกุม 13 คน และยึดปืนได้ 5 กระบอก
- ก่อนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ผู้ประท้วง Jewish Voice for Peace รวมตัวกันที่อุทยานเนชั่นแนล มอลล์ เพื่อเร่งเร้าให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้าแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในตอนนี้
https://www.instagram.com/reel/CyjQqr4g9kc/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==
เหตุผลของการประท้วงของกลุ่ม Jewish Voice for Peace
การประท้วงที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ มีเหตุผลหลายประการ แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความไม่พอใจในการกระทำของอิสราเอลที่โจมตีปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และการไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่ออิสราเอล
ผู้ประท้วง Jewish Voice for Peace มีความเชื่อว่าการโจมตีของอิสราเอลเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและภาคีประชาชนของปาเลสไตน์ และว่าสหรัฐฯ ควรหยุดให้ความช่วยเหลือทางทหารและการเงินให้กับอิสราเอล
ผู้ประท้วง Jewish Voice for Peace ยังมีความไม่พอใจในการบริหารจัดการของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจนในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในตอนกลาง
ผู้ประท้วงบางกลุ่มยังมีความไม่พอใจในการกระทำของตำรวจและความไม่เสมอภาคทางกฎหมาย โดยเฉพาะต่อกลุ่มคนผิวสี ซึ่งถือเป็นปัญหายุคยืนของสหรัฐฯ
ผู้ประท้วงชาวยิวJewish Voice for Peace ยังได้รับการสนับสนุนและกระตุ้นจากผู้ประท้วงในประเทศอื่น ๆ ที่แสดงความเห็นพ้องกัน เช่น ในกรีซ, เยอรมัน, เบลเยียม, เบรตัน, และไอร์แลนด์
ผลกระทบจากการประท้วงของ Jewish Voice for Peace
การประท้วงที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม อย่างมาก บางผลกระทบที่สำคัญได้แก่:
- การลดลงของการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับอิสราเอลและปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีความขัดแย้งกัน
- การสูญเสียความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ไม่ได้แสดงท่าทีชัดเจนในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในตอนกลาง
- การกระตุ้นให้ประชาชนในประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมประท้วงต่อต้านอิสราเอลและสหรัฐฯ โดยมีการชุมนุมในหลาย ๆ สถานที่ เช่น หน้าสถาบันยุติธรรมสากล, หน้าสถานทูตอิสราเอล, หน้าสถานทูตสหรัฐฯ เป็นต้น
- การกระจายข่าวลือและข้อมูลไม่ถูกต้องผ่านโซเชียลมีเดียและสื่ออื่น ๆ เพื่อสร้างความแตกแยกและความเกลียดชังในหมู่ประชาชน
- การเพิ่มขึ้นของความไม่พอใจและความไม่เสมอภาคในหลาย ๆ เรื่อง เช่น การปกป้องผู้กระทำความผิด, การใช้อำนาจโดยไม่ถูกต้อง, การละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้น