ร.ร.ชื่อดังย่านราชพฤกษ์ ยื่น MoU 3 ฝ่าย อ้างประชาธิปไตยแต่ไม่เคยถามผปค. - นร. ชี้หากไม่เซ็นจะให้ลาออก
#รรชื่อดังย่านราชพฤกษ์ ออก MoU 3 ฝ่าย (โรงเรียน-ผู้ปกครอง-นักเรียน) อ้างเป็นหลักประชาธิปไตยแต่ไม่เคยสอบถามความเห็น พบกฎบังคับ นร. - ผปค. ยาวเหยียด แต่ไม่มีเขียนถึงตัว ร.ร. เองสักข้อ ล่าสุดยังเซ็นส่งไม่ครบ ขู่ประกาศทุกเช้าให้เร่งส่ง-หากใครละเมิด MoU ต้องลาออก
ผู้ร้องเรียน ระบุว่า ตนได้รับเอกสาร MoU จากทางโรงเรียนเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยทาง ร.ร. ไม่เคยมาพูดคุยหรือสอบถามความเห็นว่า MoU ของทั้ง 3 ฝ่ายจะเป็นอย่างไร ท้ายเอกสารระบุให้ นร. - ผปค. ลงนาม ซึ่งพบว่ายังมี นร. - ผปค. จำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้เซ็นส่งคืนเพราะลำบากใจในกฎระเบียบที่ละเมิดสิทธิเช่นนี้ก่อนหน้านี้ ทาง ร.ร. ได้ยื่นเอกสารดังกล่าวแก่ผู้ที่มาประชุมในวันประชุม ผปค. เมื่อปลายเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา และตามยื่นให้กับคนที่ไม่มาร่วมประชุมภายหลัง ล่าสุดพบว่ายังมีคนไม่ส่งเอกสาร จึงประกาศหน้าเสาธงทุกเช้าตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. ให้เร่งเซ็น ขู่ว่าหากไม่เซ็นจะไม่มีสิทธิเรียนที่นี่ ส่วนใครที่เซ็นแล้วให้ทำตามกฎอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นจะต้องลาออกเพราะละเมิด MoU
ทาง ร.ร. ได้อ้างสาเหตุของ MoU ฉบับนี้ไว้ว่า "เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความประพฤติของนักเรียนด้านระเบียบวินัย คุณธรรมจริยธรรม การดำรง
ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของประชาธิปไตย และมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ตลอดจนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ดี"
เนื้อหาภายในเอกสารข้อตกลง 3 ฝ่ายปรากฎข้อตกลง 20 ข้อที่บังคับเฉพาะ 2 ฝ่าย (นร. และ ผปค.) เช่น บังคับทำตามระเบียบ ร.ร., ห้ามก้าวร้าว, ห้ามทำลายชื่อเสียง ร.ร., ห้ามติติง ร.ร. ในโซเชียลมีเดีย เป็นต้น แต่ไม่ปรากฎข้อตกลงที่ระบุถึงหน้าที่หรือสิ่งที่ ร.ร. ต้องทำเพื่อประโยชน์แก่ นร. และ ผปค.ตอนท้ายเอกสาร ระบุว่า "หากปรากฎว่า (ชื่อนักเรียน) และผู้ปกครองไม่สามารถปฏิบัติข้อตกลงนี้ได้ ข้าพเจ้าในฐานะผู้ปกครอง ยินยอมให้ทางโรงเรียนคัดชื่อออกจากทะเบียนโรงเรียนโดยไม่เรียกร้องสิทธิใด ๆ ทั้งสิ้นกับทางโรงเรียน"
ผู้ร้องเรียนเผยว่า ก่อนหน้านี้ ร.ร. มักมีเหตุไล่ นร. ออกอยู่เสมอ โดยไม่ได้มีการตักเตือน ตัดคะแนน หรือวางทัณฑ์บน ตามขั้นตอนในระเบียบของกระทรวงฯ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียน พ.ศ. 2548 ตนกังวลว่า MoU ฉบับนี้ จะเป็นเสมือนข้อบังคับที่มัดมือชก ไม่ให้ใครฝ่าฝืนกฎ ร.ร. ได้ หากไม่เซ็นก็ต้องย้ายออก หากคัดค้านหรือละเมิดก็จะถูกไล่ โดยไม่สามารถเรียกร้องใด ๆสำนักงานศาลปกครอง ระบุว่า "การออกคำสั่งให้นักเรียนคนใดพักการเรียน โรงเรียนจะต้องดำเนินการตามเหตุผล และความจำเป็นที่เหมาะสมแก่กรณี ทั้งจะต้องใช้มาตรการต่าง ๆ อย่างรัดกุมรอบคอบจากเบาไปหาหนัก เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งมีผลกระทบทั้งต่อตัวนักรียนที่ประสบปัญหาเองหรือต่อนักรียนคนอื่นรวมทั้งบุคลากรในโรงเรียน" ทั้งนี้ การสั่งพักการเรียน เป็นหนึ่งในบทลงโทษของระเบียบ ศธ. ที่ถูกยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548