ด.ญ.วัลลีในฐานะป้าคนหนึ่ง
==ด.ญ.วัลลีในฐานะป้าคนหนึ่ง==
คงมีคนไม่กี่คนในโลกนี้ที่อายุ 50 กว่าปีแล้ว แต่ยังถูกจดจำในฐานะ 'เด็กหญิง' อยู่เสมอ วัลลี บุญเส็ง คือคนที่ถูกสื่อหยุดเวลาไว้คนนั้น เรื่องราวความกตัญญูเลี้ยงดูแม่และยายของวัลลีเป็นสินค้าขายดีซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอุตสาหกรรมสื่อมาร่วม 30 ปี Pepperoni ขอเสนอทัศนะของวัลลีในวันที่เธอมีความคับข้องใจอยากบอกสื่อ และในวันที่เธออยากเป็นเพียงป้าคนหนึ่ง
“ชื่อวัลลีนะคะ เกิดเพราะสื่อและตายเพราะสื่อ เราเป็นข่าวครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2525 ส่วนหนังเรื่องวัลลีฯ (วัลลี เด็กหญิงยอดกตัญญู) ออกฉายตั้งแต่ปี 2527 ผ่านมา 36 ปี น่าจะไม่มีใครรู้จักเราแล้ว แต่ทุกวันนี้คนยังจำได้ 20 ปีมานี้ เราเผาข่าว เผารูปทิ้งหมดเลย อยากหายสาบสูญไปเลย ไม่อยากชื่อวัลลีแล้ว และเคยคิดจะเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง”
“เราเริ่มรู้สึกว่าหมดความอดทนเมื่อ พ.ศ. 2548 เริ่มจากคณะตลกนำเรื่องของเราไปล้อเลียน ขายเป็น VCD ตลก เล่นกันหยาบโลน แล้วเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ ลามไปที่รายการทีวีรายการหนึ่งแล้วต่อไปที่รายการที่ 2, 3, 4 มีฉากตบหัวแม่เรา กระทืบแม่เราเพื่อให้แม่เรากินข้าว ตอนเห็นครั้งแรก เรานิ่ง เรารู้สึกว่าเขาไม่น่าทำแบบนี้ เราภาคภูมิใจในความเป็นลูกที่ดี แต่การล้อเลียนชีวิตของคนอื่นว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน เป็นการกระทำที่ทำให้คนคนหนึ่งหมดความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างร้ายแรง เราเก็บตัวไป 10 กว่าปี ใครจะติดต่อมาเราไม่ออกทีวีเลย ต้องการให้คนลืมไปเลย”
“เจอกรณีหนักสุดคือปี 2558 ในรายการทีวีรายการหนึ่งนำเสนอวัลลีเป็นตัวตลก เป็นเด็กปัญญาอ่อน เป็นบาดแผลหนักหนาในชีวิตเรามาก ทำลายความสุขในชีวิตเราอย่างหนักเลย ซึ่งไม่ใช่ว่าอ่อนไหว แต่พอพูดเรื่องนี้ปุ๊บจะตื้อขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เป็นความเก็บกดที่ฝังมานานมาก จนเราต้องออกมาพูด เราฟ้องร้องทางรายการ ตอนนี้คดีสิ้นสุดไปแล้ว พอเขามาขอโทษเราก็ถอนฟ้อง และไม่รับเงินใดๆ จากรายการ เพราะว่านี่คือชีวิต คือศักดิ์ศรีของเรา ถ้าเรารู้สึกว่าการรับเงินคือการเสียศักดิ์ศรีเราไม่รับ”
“การทำรายการอย่างนี้ควรพิจารณาเป็นรายกรณีไป ว่ากระทบกระเทือนจิตใจ ความรู้สึกใครไหม ควรนำเสนออย่างไร ต้องผ่านการพิจารณาหลายอย่างรวมกัน บางคนถามเราว่า เขามาทำให้นี่ไม่ดีเหรอ คนจะได้ไม่ลืม ไม่ใช่ เราไม่ได้ต้องการอย่างนั้น คนจะลืมก็ได้จะจำก็ได้ แต่คุณต้องไม่นำเสนอเราในรูปแบบนั้น ผลกระทบที่ได้รับมาถึงตอนนี้คือบางคนยังว่าเราเสียๆ หายๆ ลือว่าเรารับเงินถึงยอมถอนฟ้อง บางคนหาว่าเราอยากดัง ตอนนี้ปล่อยวางแล้ว แต่ใหม่ๆ ยอมรับว่าเครียดกับประโยคที่ได้ยินว่าเรารับเงิน มันฝังอยู่ในความรู้สึกว่าเราโดนตราหน้าว่าเรารับเงินเป็นค่าปิดปาก”
“วันนี้เรามีครอบครัวอบอุ่น มั่นคง สามีมีหน้าที่การงานดี ลูกสองคนเป็นเด็กดี ลูกเราไม่เที่ยว ไม่กินเหล้า ไม่ติดการพนัน ตั้งใจเรียน ช่วยงานในบ้านทุกอย่าง ลูกชายคนโตเรียนนิติศาสตร์ ม.รามฯ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยและส่งน้องเรียน ลูกสาวคนเล็กเรียนอยู่ศิลปากร เป็นคนประหยัดและผลการเรียนดีมาก แฟนเลิกงานก็กินข้าวบ้าน ไม่เที่ยวเตร่ ไม่มีคำว่ามีบ้านเล็กบ้านน้อย อยู่กันด้วยความสุขอบอุ่นมาเกือบ 30 ปี ทำกับข้าวกิน ปลูกผักปลูกหญ้า ตอนนี้เรามีความสุขกับครอบครัวมาก เราอายุ 50 แล้ว เป็นป้าแล้ว อยากมีชีวิตที่สงบแล้ว ไม่ต้องการเห็นอะไรที่สะเทือนใจอีก”
“ความสุขของชีวิตตอนเด็ก คือได้ดูแลแม่กับยาย ตอนเด็กๆ ยายรักเรามาก ยายจะกอดเราตลอด บอกว่าแม่รักวัลนะ แม่รักวัลนะ สิ่งที่เราทำตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรมาก มันเป็นความรักในครอบครัวที่คนในครอบครัวต้องดูแลกัน เราไม่ได้มองว่าเรากตัญญูหรือดีเลิศกว่าเด็กคนอื่น มีเด็กคนอื่นที่ทำดีกว่าเรา อยากให้ตัดคำว่ากตัญญูไปเลย”
.
ภาพ : ทรัพย์ทวี พุฒหอม











