คนไทยในญี่ปุ่นเล่าเรื่อง คดีสุดสะเทือนใจ กรณีชาวญี่ปุ่น ฆาตกรรมคนพิการในญี่ปุ่นเสียชีวิต19คน บาดเจ็บอื้อ
ผู้มช้เฟสบุ๊คชื่อว่า Hattori Fanta Tanako คนไทยในญี่ปุ่นล่าข่าวคดีฆาตกรรมสุดโหด แสนสะเทือนใจและโรคจิตสุดๆ กรณีฆาตกรรมคนพิการเสียชีวิต 19 รายและบาดเจ็บกว่า 26คน โดยข่าวมีเนื้อหาประมาณว่า
สวัสดีตอนเย็นจากโรงแรมที่พักย่านชินจุกุฝั่งตะวันตกครับเพื่อนๆชาวไทยทุกๆท่าน วันนี้ขออัพเดทข่าวฆาตกรโรคจิต มือมีดสุดโหดวัย26 ปี นายอุเอมัตสึ ซาโตชิ อดีตพนักงานที่บุกเข้าไปในศูนย์ดูแลคนพิการกลางดึกคืนเมื่อวานแล้วใช้เทปพลาสติกมัดมือมัดเท้าพนักงานสองคนไว้ จากนั้นใช้มีดทั้งฟันทั้งแทงและปาดคอคนพิการตายไปทั้งหมด19 คน บาดเจ็บหนักอีกกว่า 26 คน ต่ออีกหน่อยนะครับ 〜
จากข่าววันนี้สรุปได้ใจความว่า นายคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างมีปัญหากับชีวิตและจิตใจของตัวเองมากๆเลยทีเดียว พูดง่ายๆเลยคือเป็นคนหมกมุ่นและเจ้าคิดเจ้าแค้นสุดๆเลยล่ะ จากการรายงานของนักข่าว นายคนนี้น่าจะวางแผนร้ายมานานหลายเดือนแล้ว คือตั้งแต่หลังจากที่แกถูกบีบให้ลาออกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ สาเหตุเนื่องมาจากแกมีปัญหาในที่ทำงาน เช่น มาทำงานสาย เล่นมือถือในเวลาทำงาน ไม่ค่อยตั้งใจทำงาน นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มที่จะใช้ความรุนแรงในที่ทำงานอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ผ่านการประเมินงานและต้องลาออกในที่สุด 〜
นายคนนี้น่าจะเคียดแค้นมากเอาการอยู่ แกเคยเขียนจดหมายแล้วเดินทางไปส่งด้วยตัวเองที่บ้านพักประธานรัฐสภา ในครั้งแรกนั้นแกพยายามกดออดหน้าบ้านประธานรัฐสภา แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยบอกให้ส่งมาทางไปรษณีย์ แต่แกก็ไม่ยอมกลับบ้าน โดยแกล้งนั่งอยู่หน้าบ้านไม่ไปไหนเลย เดือดร้อนถึงเลขาประธานต้องออกมารับจดหมายด้วยตัวเองแกถึงยอมกลับบ้าน 〜
เนื้อหาในจดหมายนั้นค่อนข้างสยดสยองเอาเรื่องเลยทีเดียว โดยแกเขียนว่า " ผมสามารถจัดการกำจัดพวกคนพิการเหล่านี้ทั้งหมด 470 คนได้ด้วยตัวเอง " " คนพิการที่อาการหนักเหล่านี้น่ะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรหรอกน่ะ ผมจะช่วยให้พวกมันตายๆไปแบบสบายๆจะดีกว่านะ " 〜
นอกจากนั้นพี่แก ยังได้ส่งจดหมายเนื้อหาแบบเดียวกันนี้ไปยังศูนย์คนพิการแห่งนี้ด้วยว่า จะช่วยกำจัดคนพิการเหล่านี้เองแต่จะไม่ทำร้ายเพื่อนพนักงานอย่างแน่นอน แกยังบอกด้วยว่าจะลงมือในตอนกลางคืนที่มีพนักงานเข้าเวรน้อยๆด้วยนะเออ 〜
ทางศูนย์ได้แจ้งเรื่องไปยังสถานีตำรวจแล้วแต่ก็ไม่นึกว่าแกจะก่อเหตุร้ายแรงขนาดนี้จริงๆ แต่พี่แกก็ทำตามที่บอกนั่นแหละคือ แทบจะไม่แตะต้องตัวพนักงานเลย แต่หันไปจัดการกับคนพิการแบบไม่ปราณีปราศัยเลยแม้แต่น้อย 〜
วันนี้ตำรวจรายงานว่าพบมีดที่แกใช้ก่อเหตุในที่เกิดเหตุอีกสองเล่ม สรุปแล้วแกขนมีดมากลางดึกทั้งหมด 5 เล่มและใช้เวลาลงมือปฏิบัติการรวมทั้งหมดราวๆ 50 นาทีแค่นั้นเองครับ 〜
ส่วนทางด้านคณะทีมแพทย์ที่ทำการรักษาผู้บาดเจ็บรายงานว่า ผู้บาดเจ็บบางคนถูกปาดคอเป็นแผลลึกกว่า 10 เซ็นติเมตร แต่หลายๆคนก็รอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ 〜
นักข่าวญี่ปุ่น นั้นชอบไปหาสัมภาษณ์คนที่ใกล้ชิดคุ้นเคยหรือญาติสนิทมิตรสหายเพื่อเจาะข่าวในเชิงลึกตามสไตล์ยุ่นยุ่นนั่นแหละ ได้ความว่าก่อนลาออกจากงานหนึ่งราวๆหนึ่งเดือนนายคนนี้ก็หันไปเปลี่ยนแปลงตัวเองหลายๆอย่าง เช่นไปย้อมผมเป็นสีทองและไปสักลายเต็มตัวอย่างในภาพนั่นแหละ หลังจากลาออกจากงานก็มีพฤติกรรมแปลกๆหลายอย่าง เช่น ชอบชักชวนเพื่อนฝูงมาสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้เสียงดัง และข่าวยังบอกอีกว่าพี่แกชอบไปนั่งกินอาหารไทยด้วยนะเออ และในวันเกิดเหตุพี่แกน่าจะมีอาการประสาทหลอนเพราะเมากัญชาด้วยนะครับ 〜
อนึ่ง คดีฆาตกรรมคดีนี้ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญที่มีคนตายมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเข้าสู่สมัยเฮเซเลยทีเดียว ( สมัยเฮเซเริ่มต้นเมื่อ 27 ปีก่อน ) นักข่าวจึงพร้อมใจกันเรียกคดีนี้ว่า คดีสุดสยองแห่งสมัยเฮเซ 〜
ข่าวล่าสุดเมื่อ 10 นาทีที่ผ่านมานี้เอง ในที่สุดผู้ร้ายรายนี้ก็สำนึกผิดในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปยังสำนักงานอัยการเพื่อรอขึ้นศาลที่เมืองโยโกฮาม่า แกบอกว่า 〜
อยากจะกล่าวฝากคำขอโทษไปถึงครอบครัวและญาติพี่น้องผู้ที่เสียชีวิตจากหัวใจ 〜 ว่ายังงั้นนะครับ จบข่าวภาคค่ำด้วยประการฉะนี้แล 〜
ภาษาญี่ปุ่นวันละคำสองคำ 〜
安楽死させる、〜 Anrakushi saseru 〜 ทำให้ตายง่ายๆสบายๆ
身体障害者 〜 Shintai shougaisha 〜 ผู้พิการทางร่างกาย
知的障害者 〜 Chiteki shougaisha 〜 ผู้พิการทางสติปัญญา ( คนปัญญาอ่อนนั่นแหละ )
☆彡*・゜゚・*:.。..。.:*・'(*゚▽゚*)'・*:.。. .。.:*・゜゚・*☆彡
อัพเดท.....
เรื่องของนายฆาตกรคนนี้ผมรู้สึกว่าน่าสนใจและน่านำมาเป็นกรณีศึกษา ดังนั้นมาต่ออีกสักตอนนะครับ 〜
นายคนนี้ตอนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยนั้นแกค่อนข้างเป็นเด็กที่มีความตั้งใจสูง แกใฝ่ฝันที่จะเป็นนักการศึกษาเด็กพิเศษให้ได้เหมือนกับพ่อแม่ของแกเอง
( ครูสอนเด็กพิการนั่นแหละ )
ก่อนเรียนจบแกยังเคยมาเป็นครูฝึกสอนที่นี่และอีกหลายๆที่ เด็กๆบอกว่าแกเป็นครูที่ใจดีและสนุกสนานในการสอนมากๆ 〜
หลังจากแกเรียนจบและเข้าทำงานที่นี่ ปีแรกแกยังเป็นพนักงานที่มีความตั้งใจในการทำงานและสดใสร่าเริงอยู่มาก แต่หลังจากเวลาผ่านไปสองปี ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของแก พี่แกเริ่มออกอาการเบื่อหน่ายเด็กพิการ และเริ่มมีพฤติกรรมในเชิงลบ เป็นต้นว่า มาทำงานสาย ขี้หงุดหงิด ไม่ตั้งใจทำงาน และที่หนักที่สุดก็คือ แกชอบพูดจาแดกดันคนพิการว่า 〜
" ไอ้คนพิการพวกนี้มันจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรวะ ยิ่งดูยิ่งไม่เข้าใจ " " คนพิการพวกนี้น่าจะตายๆไปดีกว่านะ อยู่ไปก็เปลืองเงินภาษีและเป็นภาระของรัฐบาล "
" กูอยากฆ่าคนพิการพวกนี้ "
ด้วยความที่ทั้งสีหน้าท่าทางและพฤติกรรมของแกเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้ทางศูนย์ดูแลคนพิการต้องให้แกลาออกพร้อมกับบังคับให้แกไปพบแพทย์ แพทย์ตรวจพบสารเสพติดบางชนิดจากปัสสาวะ ( แกน่าจะติดกัญชานะ )
ดังนั้นแกต้องเข้ารับการบำบัดเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ในโรงพยาบาล สุดท้ายหลังจากนั้นแพทย์ลงความเห็นว่าแกน่าจะหายดีเป็นปกติ เพราะตัวแกเองยังพูดเลยว่า เกิดอะไรขึ้นกับผมเหรอ พอหมอเล่าอาการให้ฟัง แกยังรู้สึกสำนึกผิดในการกระทำของตัวเองเลย แพทย์จึงอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ในที่สุด 〜
พอออกจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้านแกก็กลายเป็นคนตกงานและอาศัยอยู่คนเดียวที่บ้าน ( พ่อแม่อาศัยอยู่ในโตเกียว ) หลังจากนั้นทางอำเภอและโรงพยาบาลก็แทบไม่ได้ติดตามผลการรักษาอีกเลย คาดว่าอาการน่าจะกำเริบขึ้นมาอีก แกได้เขียนจดหมายถึงทั้งศูนย์ดูแลคนพิการและประธานสภาว่าจะกำจัดคนพิการพวกนี้ให้หมด ทางศูนย์ดูแลคนพิการก็ได้แจ้งตำรวจ ตำรวจก็ทำได้แค่จัดเวรยามตรวจตราในตอนกลางคืน ส่วนทางศูนย์ก็ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดในหลายๆจุดรอบอาคารของศูนย์ด้วย 〜
วันนี้ข่าวสรุปว่า นายคนนี้ติดกัญชาและมีอาการประสาทหลอนครับ แกบอกว่า ได้ยินเสียงเทพเจ้าบอกให้ทำภาระกิจนี้ให้สำเร็จไปนู่นแน่ะ 〜
ทางหน่วยงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมทั้งทางโรงพยาบาลก็ได้เรียนรู้แล้วว่า ต่อไปควรต้องติดตามผลการประเมินอาการของผู้ป่วยที่ติดยาเสพติดอย่างใกล้ชิดให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนทำให้ผู้ป่วยคือนายคนนี้ออกไปก่อคดีสะเทือนขวัญอย่างน่าเศร้าใจแบบนี้ 〜
สุดท้าย ในระหว่างถูกส่งตัวไปที่สำนักงานอัยการเมืองโยโกฮามะ เพื่อส่งฟ้องศาล แกบอกกับนักข่าวว่า อยากจะขอโทษครอบครัวคนพิการจากหัวใจ แต่จะไม่ขอโทษคนพิการเด็ดขาด และไม่เสียใจต่อการกระทำของตัวเองในครั้งนี้เลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากนั้นแกยังบอกว่า ถึงแม้จะทำไม่สำเร็จทั้งหมด ( คือฆ่าคนพิการได้ไม่ทั้งหมด ) แต่ก็ได้บรรยากาศในระดับหนึ่งละวะ " 〜 โหดจริงๆ
จบข่าวล่ะครับ 〜
☆彡(T_T)☆彡😥😥😥😢😢😢😓😓😓☆彡
#Hattorinews2016
แหล่งที่มา: Hattori Fanta Tanako
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1033741893408334&set=pcb.1033744620074728&type=3&theater
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1033207506795106&set=pcb.1033207536795103&type=3&theater