แสตมป์-ภรรยาเปิดใจ! ถูกคุกคามนาน 10 ปีนายพลขู่จนต้องลาวงการ
แสตมป์ อภิวัชร์ เปิดเผยเหตุผลหายหน้าจากวงการเพลง เพราะถูกคุกคามยาวนานกว่า 10 ปี พร้อมเผยเบื้องหลังคดีความและการข่มขู่จากผู้มีอำนาจ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แฟนเพลงหลายคนอาจสังเกตได้ว่า แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นักร้องและนักแต่งเพลงที่โด่งดังจากผลงานเพลงคุณภาพ ห่างหายจากหน้าสื่อและวงการบันเทิงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยการออกผลงานเพลงหรือปรากฏตัวในคอนเสิร์ตของเขาก็ลดน้อยลงอย่างมาก สร้างความสงสัยให้กับแฟนเพลงว่าทำไมศิลปินที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถถึงเลือกที่จะถอยออกจากวงการเช่นนี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ในคอนเสิร์ต Wednesday Song Vol.01 แสตมป์ได้ใช้ช่วงเวลาหนึ่งบนเวทีเล่าถึงเรื่องราวที่เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เขาและครอบครัวต้องเผชิญความยากลำบากในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยเผยว่าเขาถูกคุกคามจากบุคคลหนึ่งที่เรียกในนามสมมติว่า “นายเอ” ซึ่งติดตามคุกคามเขาและครอบครัวมาตลอดกว่า 10 ปี
แสตมป์เล่าว่า นายเอไม่เพียงแต่คุกคามเขาเท่านั้น แต่ยังตามด่าทอและอัดคลิปวิดีโอภรรยาของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อบันทึกและนำคลิปไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย อีกทั้งในปี 2565 นายเอมีแฟนซึ่งทำงานอยู่ในวงดนตรีและมีสิทธิ์เข้าออกหลังเวทีได้ บุคคลดังกล่าวถึงขั้นนั่งรอหน้าห้องพักของเขาเป็นเวลานานเพื่อดักเจอแสตมป์และภรรยา และยังพุ่งเข้าหาพร้อมนั่งร้องไห้และอัดคลิปวิดีโอเพื่อบิดเบือนสถานการณ์
คลิปที่ถ่ายทำดังกล่าวถูกนำไปเผยแพร่ในกลุ่มคนในวงการเพลง พร้อมอ้างว่าภรรยาของแสตมป์เป็นฝ่ายคุกคาม ทั้งที่ความจริงแล้วเธอเป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอด เหตุการณ์นี้ทำให้แสตมป์ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยจ้างการ์ดส่วนตัวมาดูแลในงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย
แม้ว่าจะมีการฟ้องร้องจนชนะคดีในปี 2567 โดยนายเอและครอบครัวยอมรับผิด พร้อมยกมือไหว้ขอโทษและรับปากว่าจะไม่คุกคามครอบครัวแสตมป์อีก แต่เรื่องกลับไม่จบลงง่าย ๆ นายเอยังคงทำพฤติกรรมเดิม และครั้งนี้มีการนำพ่อของนายเอซึ่งเป็นนายพลยศพลตรีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยนายพลดังกล่าวได้ปรากฏตัวที่ศาลพร้อมเอกสารมากมายเพื่อพยายามกดดันให้แสตมป์ถอนฟ้อง รวมถึงอ้างยศและตำแหน่งของตนในการข่มขู่ ทั้งยังบุกไปที่บ้านแม่ของแสตมป์และอ้างตัวเป็นแฟนคลับเพื่อตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ
ไม่เพียงเท่านั้น ภรรยาของนายพลก็ยังใช้กลอุบายแฝงตัวเข้าไปในกลุ่ม Open Chat ของแฟนคลับแสตมป์เพื่อสอดส่องความเคลื่อนไหวและวางแผนติดตามไปในคอนเสิร์ตต่าง ๆ เหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อบุคคลดังกล่าวให้เพื่อนที่ทำงานในสายการบินล็อกที่นั่งบนเครื่องบินให้นั่งติดกับแสตมป์โดยเจตนา ทำให้แสตมป์และครอบครัวตัดสินใจหลีกเลี่ยงงานที่อาจเสี่ยงต่อการเจอเหตุการณ์เช่นนี้อีก
แม้จะพยายามอดทนและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่พฤติกรรมที่ไม่หยุดหย่อนของนายเอและครอบครัวทำให้แสตมป์ต้องออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน โดยเขาประกาศกลางเวทีว่าหากอีกฝ่ายยังคงละเมิดคำสั่งศาลและไม่หยุดการคุกคาม เขาจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด รวมถึงเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดต่อสาธารณชน เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองและครอบครัว
ในฐานะแฟนเพลง หลายคนต่างให้กำลังใจและสนับสนุนแสตมป์ในการเผชิญปัญหาครั้งนี้ พร้อมหวังว่าเขาจะสามารถกลับมาสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมและใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขอีกครั้ง