จ๊ะเอ๋ เบเบ๊ ! มาแล้วฮ่ะ จดหมายรักจากบิ๊กตู่ ถึงเจ้าคุณเกษม-เจ้าคุณประสาร-มหาโชว์
ถึง..ศูนย์พิทักษ์ของเจ้าคุณเกษม-เจ้าคุณประสาร-มหาโชว์
เห็นว่า ศพช.ใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือ"ชี้นำ" พระสงฆ์และชาวพุทธไทย ให้ออกมาเรียกร้อง กรธ. บัญญัติให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แม้จะยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร แต่อาจจะถูกฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายผล จนกลายเป็นความขัดแย้งทางศาสนา (และการเมือง) จึงควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการทำความเข้าใจทุกฝ่าย เพื่อมิให้บานปลาย - เข้าใจตรงกันนะ !
หลังจากเจ้าคุณประสาร ประกาศแยกสังฆราชคนละนิกาย ไปเมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่าสื่อต่างๆ นำไปขยายผล จนเจ้าคุณประสารได้ไปออกรายการ "เผชิญหน้า"ของดนัย เอกมหาสวัสดิ์ บอกนัยๆ ว่า จะมีพระหนุ่มเณรน้อย "ทั่วไทย" ไม่พอใจที่สมเด็จวัดปากน้ำไม่ได้เป็นสังฆราช "อาจจะ" ก่อตัวกันประท้วงและขอ..ตั้งสังฆราช เป็นของตนเอง แล้วเฟสบุ๊คของ "พระมหาโชว์" ก็นำเอาไปขยายผล รับลูกกันเป็นทอดๆ ซึ่งทางเราก็เคยตั้งข้อสังเกตเอาไว้แล้วว่า "มันอาจจะผลักให้พระเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และธรรมกาย ไหลไปรวมกัน ต่อต้าน คสช." จะส่งผลให้"โรดแม็ป" ของรัฐบาลไทยต้องสะบั้นลง และเตือนด้วยว่า "ระวังเด้อเจ้าคุณประสาร เดี๋ยว คสช. เขาจะนิมนต์ท่านไปปรับทัศนคติอีกรอบ"
วันนี้ มีผลชัดเจนแล้วว่า ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดราชาธิวาส ถูกขึ้นบัญชีดำของ "รัฐบาลและ คสช." มองว่าเป็นตัวยุยงปลุกปั่นสร้างความแตกแยกภายในชาติบ้านเมือง !
วัดราชาธิวาสนั้น เป็นบ่อเกิดของ "นิกายธรรมยุต" สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงผนวชอยู่ ได้เสด็จไปประทับที่วัดราชาธิวาส และทรงรับการอุปสมบทซ้ำ ที่เรียกว่า "ทัฬ...กรรม" ที่แพในแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดราชาธิวาส และต่อมาได้ประกาศแยกนิกายออกไปเป็น "ธรรมยุต" ครั้นภายหลัง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้พระภิกษุวชิรญาณ เสด็จมาประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหารๆ จึงกลายเป็น "ศูนย์กลาง" ของคณะธรรมยุต นับตั้งแต่นั้น แต่วันนี้ วัดต้นกำเนิดธรรมยุต กลับกลายมีบทบาท "แตกต่าง" ไปจากคณะธรรมยุตวัดบวรนิเวศวิหาร อย่างคนละขั้ว ถามว่าเกิดอะไรขึ้น นี่มิใช่กรณีวัดสัมพันธวงศ์ไปเข้ากับธรรมกาย ซึ่งถือว่ายังเป็นประเด็นรอง แต่ประเด็นวัดราชานั้น ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญอันดับหนึ่ง มิเช่นนั้น ทางรัฐบาลและ คสช. ก็คงไม่มีหนังสือ "เตือน" อย่างเป็นทางการ ดังที่เห็น..
เอกสารฉบับนี้ จี้ไปที่ "สำนักพุทธ" ซึ่งสนองงานคณะสงฆ์ แน่นอนว่าต้องไม่พ้น "มหาเถรสมาคม" ซึ่งมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำ นั่งเป็นประธาน จะต้องได้รับรายงานจากเลขา ก็คือสำนักพุทธฯ ถึงเรื่องราวดังกล่าว และถ้าหากว่า การเตือนครั้งนี้ยังไม่มีผล คือยังมีการโพสต์ในสื่อ เช่น เฟสบุ๊ค เป็นต้น เหมือนเดิม ก็เกรงว่า ทางรัฐบาลและ คสช. จะต้องใช้ยาแรงมากขึ้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร หรือว่าทีมวัดปากน้ำจะต้องออกรายการ "เผชิญหน้า" อย่างเต็มตัวเสียแล้ว !
ซ้าย : เจ้าคุณเกษม - พระเทพวิสุทธิกวี วัดราชาธิวาส ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
ขวา : เจ้าคุณประสาร - พระเมธีธรรมาจารย์ วัดมหาธาตุ รองอธิการบดี มจร. ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ และเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ส่วนองค์นี้ แอ่นแอ๊น ! พระมหาโชว์ ทสฺสนีโย สังกัดวัดศรีสุดาราม
รองประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
ภาพ : เจ้าคุณประสาร ถูกนิมนต์ไปปรับทัศนคติครั้งที่ 1