ดราม่า แพทย์จบใหม่ โพสท์ถึงคนไข้มีเงินซื้อเหล้า แต่ขอใช้สิทธิ์รักษาฟรี
นักศึกษาแพทย์: อาจารย์คะ หนูอยากทราบความเห็นอาจารย์เกี่ยวโพสอันนึงอ่ะค่ะ ตอนหนูอ่านก็เห็นด้วยถ้าเค้าหมายถึงการรักษาที่นอกเหนือจากที่เบิกได้
อาจารย์แพทย์: ถ้ามองแบบกลางๆ ก็คงเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้คนไทยมีความคิดแบบสุดโต่งครับ ก็เลยต้องมีดราม่าตามมาเป็นธรรมดา
สุดโต่งทางหนึ่งก็คือคนที่เอะอะก็บอกว่าหมอไม่มีคุณธรรมจริยธรรม อยากจะผลักภาระทุกอย่างให้คนไข้ ไม่เห็นกับคนยากคนจน
สุดโต่งอีกทางหนึ่งก็คือหมอหลายคน (อาจไม่ใช่กรณีที่เป็นข่าวนี้) อาจลืมคิดพิจารณาว่าคนไข้บางคนก็อาจจะไม่อยู่ในสถานะที่จะมีความรู้ความเข้าใจ หรือโลกทัศน์ที่ชัดเจนมากพอที่จะแยกแยะได้จริงๆ ว่าอะไรเป็นเรื่องสำคัญต่อสุขภาพของตนเอง แต่พอถึงตรงนี้ หมอจะเลือกเจริญพรหมวิหารธรรมตั้งแต่เมตตาคนไข้ไปจนถึงวางอุเบกขาถ้าช่วยอะไรคนบางกลุ่มไม่ได้ หรือจะเลือกโกรธคนไข้แล้วมาระบายทาง social media จนเป็นเรื่องดราม่าแบบนี้ ก็เป็นเรื่องวิจารณญาณของหมอแต่ละคนครับ
แต่ก่อนจะเถียงกันแบบอารมณ์ขึ้น อยากให้ลองสังเกตคนรอบข้างและคนที่ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ ดูเอาเองแล้วกันครับว่าเขามี ideology ไปในทางด้านใด?
ในทาง moral philosophy เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานานครับว่าความรับผิดชอบต่อสุขภาพควรเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล (ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนคนนั้นดูแลตัวเองรับผิดชอบกับพฤติกรรมสุขภาพของตนเอง ไม่สนใจปัจจัยทางสังคม ถ้าโง่ จน หรือเจ็บหนักเองก็ช่วยไม่ได้) หรือเป็นเรื่องของสังคมที่ต้องดูแลร่วมกัน (ปัจเจกไม่ได้มีความสามารถทำได้เองทุกคน ต้องพึ่งพาการจัดระบบบริการสุขภาพโดยงบประมาณภาครัฐ การทำนโยบายสาธารณะเพื่อพัฒนาสุขภาพของประชาชน ถ้าไม่ทำก็สร้างความเสี่ยงต่อสังคมส่วนรวม)
หมอคิดว่าอย่างไรล่ะครับ...Is health an individual responsibility or a public responsibility?
คนที่เชื่อในเรื่องความรับผิดชอบของปัจเจกก็เป็นพวกเสรีนิยม (liberalism) ไม่ต้องการให้มีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล รัฐอย่ามายุ่งมากนัก มาห้ามดื่มเหล้า ห้ามสูบบุหรี่ ก็ไม่พอใจ ส่วนคนที่เชื่อในเรื่องการดูแลกันในสังคม รัฐมีหน้าที่พัฒนาศักยภาพคน โดยเฉพาะสุขภาพและการศึกษาเพื่อที่จะได้มาช่วยกันพัฒนาสังคม ก็เป็นคนที่เชื่อในสังคมนิยม (socialism) ถ้าจะไม่ดูแลคนด้อยโอกาสก็ไม่พอใจ
ถ้าจะถามความเห็นส่วนตัวผม ผมอยากเห็นคนไทยใช้ศักยภาพในการดูแลตัวเองเรื่องสุขภาพพื้นฐานด้วยตัวเองมากกว่านี้ครับ แต่ถ้าเป็นปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนที่แต่ละคนไม่สามารถจัดการตัวเองได้ เช่น เรื่องการจัดระบบประกันสุขภาพ การจัดมาตรฐานการบริการสุขภาพ ก็ควรจะต้องเป็นเรื่องที่รัฐเข้ามาดูแล
แต่ตอนนี้รัฐไทย (ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลนี้) เหมือนจะดูแลเรื่องพวกนี้แบบไร้ทิศทาง เรื่องที่ควรจะดูแลก็ไม่ดูแล จนหลายครั้งซ้ำเติมคนด้อยโอกาสในสังคม เรื่องที่ไม่ควรจะต้องดูแลก็มาดูแล จนอาจก้าวล่วงไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของหลายๆ คนในสังคมเช่นกัน
ถ้าจะสรุปสั้นๆ ผมคิดว่า ความคิดสุดโต่ง (extremism) เป็นอันตรายต่อสังคมไทยอย่างยิ่งครับ ไม่ว่าจะสุดโต่งไปในทางด้านใดก็ตาม