มาลาลา ยูซาฟไซ จวก ทรัมป์ ชี้ ถือเป็นความเห็นที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
มาลาลา ยูซาฟไซ กล่าวประณามความเห็น โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอให้แบนชาวมุสลิมทุกคนเข้าสหรัฐฯเพื่อป้องกันก่อการร้าย ชี้ ถือเป็นความเห็นที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.58 สำนักข่าวบีบีซี รายงานมาลาลา ยูซาฟไซ หญิงสาวเชื้อสายปากีสถานวัย 18 ปี เจ้าของรางวัลโนเบล สันติภาพปี 2557 กล่าวตำหนิโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ซึ่งกำลังลงสมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในปี 2559 ว่า ความเห็นของนายทรัมป์ที่เสนอให้สหรัฐฯ ห้ามไม่ให้ชาวมุสลิมทุกคนเข้าประเทศนั้น เป็นความคิดเห็นที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง อีกทั้งการตำหนิมุสลิมในเรื่องการก่อการร้ายนั้น ถือเป็นการแสดงความรุนแรงกว่าการก่อการร้ายเสียอีก
มาลาลา ยูซาฟไซ ซึ่งปัจจุบันพำนักอยู่ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ แสดงความเห็นต่อคำพูดดังกล่าวของโดนัลด์ ทรัมป์ ในโอกาสที่เธอได้รับเชิญให้ไปกล่าวในงานรำลึกที่จัดขึ้นในเมืองเบอร์มิงแฮม เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี เหตุสะเทือนขวัญ กลุ่มตาลีบันบุกก่อเหตุกราดยิงที่โรงเรียนของกองทัพ ในเมืองเปชาวาร์ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 140 คน และส่วนใหญ่เป็นนักเรียน ขณะที่ มาลาลาเอง ก็เคยถูกกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง ตาลีบัน ยิงเข้าที่ศีรษะจากการที่ออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิของเด็กผู้หญิงที่บ้านเกิด จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะเธอนั่งอยู่บนรถบัสเดินทางไปโรงเรียนเมื่อปี 2555 และโชคดีที่เธอได้ ถูกนำตัวส่งไปรักษาในอังกฤษจนอาการดีขึ้น ส่วนครอบครัวของเธอได้ย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เนื่องจากถูกขู่เอาชีวิตอย่างต่อเนื่อง
บีบีซี แจ้งว่า โรงเรียนและวิทยาลัยในบางจังหวัด ที่ประเทศปากีสถาน ได้ปิดโรงเรียนเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ร้ายที่โรงเรียนกองทัพในเปชาวาร์ ขณะที่ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีปากีสถาน รวมทั้งผู้บัญชาการกองทัพ จะมาร่วมพิธีรำลึกด้วยในวันที่ 15 ธ.ค.
ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ ยุติการรับชาวมุสลิมทุกคนเข้าประเทศ จนกว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติของชาวมุสลิมที่มีต่อสหรัฐ