มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวย ทนเห็นความซอมซ่อของบ้านหลังหนึ่งไม่ไหว จึงขอซื้อ แต่เพียงคำพูดสั้นๆที่ทำให้เปลี่ยนไปได้
มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวย ทนเห็นความซอมซ่อของบ้านหลังหนึ่งไม่ไหว จึงขอซื้อ แต่เพียงคำพูดสั้นๆที่ทำให้เปลี่ยนไปได้
เมื่อท่านมหาเศรษฐีรายหนึ่ง ที่รวย มีบ้านที่สวยหรู แต่รั้วบ้านของเขาอยู่ติดกับบ้านสังกะสีหลังหนึ่งที่ดูโทรมๆใกล้จะพังเข้าเต็มที เศรษฐีรายนี้ตื่นเช้ามองออกไปนอกบ้านทีไร ดูขัดหูขัดตาจริงๆ
ทนมองบ้านหลังนี้ไม่ไหวแต่จริงๆ เมื่อเห็นตาแก่ๆที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ รีบเดินเข้าถามทันที จะขายเท่าไหร่ไอบ้านซอมซ่อหลังนี้ ดูกี่ทีๆก็ขัดตาซะจริงๆ ตาแก่เจ้าของบ้านก็พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มๆว่า ท่านผู้มหาเศรษฐี ขอรับ บ้านหลังนี้กระผมไม่ขายหรอกขอรับ ทุกวันนี้ผมตื่นเช้าขึ้นมา ผมมองไปเห็นปราสาทหลังใหญ่ของท่านที่สวยงาม โดดเด่น มองทุกเช้าๆทำให้กระผมมีความสุขมากๆ ถ้าให้ขายบ้านเก่าๆหลังนี้ไป แล้วผมจะมองสิ่งสวยแบบนี้ได้ที่ไหนอีก
ท่านมหาเศรษฐีรายนี้ก็ถามต่ออีกว่า ทำไมไม่มองบ้านตัวเองบ้างว่ามันดูอุจาดตามาก อยู่เข้าเข้าไปได้ไง
ตาแก่ๆคนนี้ก็ตอบต่ออีกว่า ที่อยู่ได้ทุกวันนี้อยู่ด้วยจิตใจที่แสวงหาความดี ความสวยงาม อะไรก็ตามที่เราดูแล้วไม่มีดีไม่งาม ก็อย่าไปสนใจดู ตาแก่ก็พูดต่ออีกว่า ไม่เข้าใจคุณเหมือนกันที่บ้านของคุณออกจะใหญ่โต แต่คุณก็ไม่สนใจที่จะมองมัน แต่กลับมามองบ้านที่ซอมซ่อของผม ถ้าผมรวยเป็นมหาเศรษฐีเหมือนท่านผมจะชื่นชมแต่กับบ้านของผมเองไม่สนใจบ้านเก่าๆหลังนั้นให้เสียสุภาพจิตหรอกครับ
เริ่มคิดได้ว่า.. เหมือนอย่างที่ตาแก่นั้นพูดจริงๆ ว่าเราคงบ้าไปแล้วแน่ๆ
ที่สนใจแต่เรื่องราวนอกบ้าน บ้านตัวเองที่ทั้งสวย สบายดูดีไปทุกๆมุม แต่ไม่สนใจมองมัน กลับไปมองสิ่งที่ไม่สวยงามข้างบ้านของตัวเองซะงั้น จากวันนั้น ก็เข้าใจมาโดยตลอดว่า ในธรรมของผู้ที่ยากไร้ แต่กลายเป็นกัลยานิมิตไปตราบนาน
บางครั้งบางคราว เราเองก็มัวแต่มองสิ่งนอกกาย จนลืมไปว่าในตัวเอราเองก็มีสิ่งดีๆที่ซ่อนอยู่ หากเรามองอะไรก็ตามแต่ด้วยจิตใจที่สวยงาม เราก็ได้เห็นสิ่งนั้นงดงามไปด้วยที่มีค่ามากกว่าสิ่งไหนที่อยู่รอบไของตัวเราเอง