Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageแชร์ลิ้ง
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทึ่ง!!! ดร.พระมหามงคลกานต์ คว้าปริญญา16ใบ ชี้ "ความจน" ทำให้มีวันนี้

เนื้อหาโดย Fuckyou

(24 ต.ค. 58) กราบนมัสการพระอาจารย์ ดร.พระมหามงคลกานต์ครับ ขอกราบถวายคำอวยพร เนื่องในวันคล้ายวันเกิดที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้ (12 ต.ค. 58) ขอให้พระอาจารย์จงมีสุขภาพดี มีพลานามัยแข็งแรง เจริญในธรรม อิ่มเอิบความสุขใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ยิ่งยืนนานตลอดไปขอรับ และผม "Fuckyou" ขออนุญาตนำเรื่องราวของพระอาจารย์ "ดร.พระมหามงคลกานต์ " ขอนำรูปภาพ,บทความกรณีปริญญาบัตรและประวัติมาเผยแผเป็นแบบอย่างสืบไป

ถ้าคุณมีความหวัง!!! แค่ปริญญา 16ใบ ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของคน ดังเช่นพระมหามงคลกานต์ เมื่อมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) ได้เผยแพร่ภาพพระสงฆ์รูปหนึ่ง พร้อมข้อความว่า “พระจบปริญญา 16 ใบ”

ดร.พระมหามงคลกานต์ ฐิตธมฺโม ป.ธ.9 อายุ 36 ปี (12 ต.ค.2523) อาจารย์ มจร. จบ ปริญญาตรี 13 ใบ ประกอบด้วย พธ.บ.(เกียรตินิยมอันดับ 1), มสธ. :นิติศาสตร์-การบริหารการศึกษา-การสอนมัธยมศึกษา(เกียรตินิยม)-รัฐศาสตร์-การศึกษานอกระบบ-เทคโนโลยีการอาหาร, ม.รามคำแหง :การบริหารรัฐกิจ-สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา-ประวัติศาสตร์-สื่อสารมวลชน-ภาษาไทย,ปริญญาโท 2 ใบ พธ.ม.(วิทยานิพนธ์ดี), ม.นเรศวร :ศษ.ม. และปริญญาเอก 1 ใบ จากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย :ศน.ด.(วิทยานิพนธ์ยอดเยี่ยม)

โดยเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ 1 ใบ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 6 ใบ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 5 ใบ จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยนเรศวร 1 ใบ จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ 1 ใบ

จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยมหามกุฏฯ 1 ใบ และระดับปริญญาตรี ด้านการแพทย์แผนไทย ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อีกด้วย

ดร.พระมหามงคลกานต์ เป็นคนจังหวัดสุรินทร์ ในวัยเด็กพอเรียนจบชั้นป.6 ก็ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ จึงตัดสินใจขอทางครอบครัวมาบวชที่ "วัดอังกัญโคกบรรเลง" จ.สุรินทร์ เพื่อหวังที่จะได้รับโอกาสเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นและได้ขอกับเจ้าอาวาสเพื่อไปเรียนต่อโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา ที่วัดกลางสุรินทร์ เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ก็ได้สอบเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ วิทยาเขตเชียงใหม่ จนจบระดับปริญญาตรี สาขาวิชาปรัชญาและในระหว่างที่เรียนที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯนั้น ได้ลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชด้วย เนื่องจากทั้งสองมหาวิทยาลัยอนุญาตให้สามารถเทียบโอนรายวิชาพื้นฐานได้ ตนจึงเทียบโอนรายวิชาพื้นฐานที่เรียนผ่านมาแล้วจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ทำให้ใช้เวลาเรียนจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงในสาขาวิชาที่ลงเรียนประมาณ 1 ปีครึ่ง ส่วนของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชใช้เวลาเรียนสาขาวิชาละประมาณ 2 ปี จึงสำเร็จการศึกษา

เสียงสรรเสริญ ชื่นชม ยินดี ที่สังคมเชิดชูพระสงฆ์ผู้พากเพียรรูปนื้ อาจเพียงเพราะท่านประสบความสำเร็จด้านการศึกษาอย่างสูงสุด ทว่าตัวตนรวมถึงสิ่งที่อยู่ในความคิดของท่านกลับน่าสนใจยิ่งกว่า

"จะไม่เพียงพอแห่งการเรียน และจะขอรู้ไปจนหมดลม" พระมหามงคลกานต์ พูดชัด

เกิดเป็นคำถามมากมายกับวิถี-แนวทางการดำเนินชีวิตของท่าน ท่านมองเห็นอะไร?ทำไมถึงร่ำเรียนมากขนาดนี้? เรียนไปเพื่ออะไร?
"ความยากจนแร้นแค้น นามสกุลกลาง "พนม" ของอาตมาคือสัญลักษณ์ที่รู้กันทั่วในจ.สุรินทร์ ว่าคือความยากจน เพราะสิ่งนี้แหละที่คิดอยู่เสมอในวัยเด็กว่า ทำอย่างไรถึงจะหนีความจนนี้ให้มันพ้นๆ" พระมหามงคลกานต์ย้อนความหลัง และเล่าต่อไปว่าเมื่อถึงวัย 7 ขวบ พ่อแม่ก็มาล้มหายตายจากไป พี่น้องกระจัดกระจาย ส่วนตัวเองต้องไปอยู่กับญาติในฐานะที่ไม่มีใครต้องการ ความเจ็บช้ำระทมทุกข์ทั้งคำปรามาสนินทาต่างๆ จากญาติของตนเอง
กระนั้น พระมหามงคลกานต์ก็ต้องทนเพราะไม่มีที่ไป อยู่เพียงลำพังในบ้านที่ไร้ความอบอุ่น และเกิดความคิดว่า การเรียนเท่านั้นที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นความลำบาก

จุดเปลี่ยนชีวิตหมดเงินต้องเข้าวัด

"แต่หนทางเรียนจะทำอย่างไรล่ะ เราก็ไม่มีเงิน เมื่อเห็นวัดใกล้บ้านคือ วัดอังกัญโคกบรรเลง มองเด็กวัดปฏิบัติหน้าที่ในวัดมีกินมีที่นอน จึงขอเข้าไปเป็นเด็กวัด และโชคดีที่หลวงพ่อให้ร่ำเรียนจึงได้เข้าสัมผัสกับการศึกษา และยอมรับว่ามีความสุขมาก" รอยยิ้มเปื้อนคำพูดของพระมหามงคลกานต์ บ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นสู่การศึกษาที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล

ทว่า ความสุขจากการเรียนที่พระมหามงคลกานต์ได้สัมผัสเป็นเวลาราว 5 ปี ก็มีอันต้องสะดุด ด้วยว่าขณะนั้นเป็นเด็กวัดเมื่อเรียนจบประถมชั้นปีที่ 6 แล้ว หลวงพ่อเรียกไปหาและให้คำตอบที่ต้องสะเทือนใจของเด็กชายกานต์ในวัย 12 ปี ว่า "ไม่มีเงินให้เรียนแล้วนะ แต่อยู่ที่วัดได้ต่อ มีกินมีที่นอน ช่วยงานวัด" ความพากเพียรที่ต้องการร่ำเรียนด้วยว่าตัวเองก็เรียนเก่งจึงมองหาหนทางต่อไป เพราะไม่มีเวลาจะมานั่งเศร้าใจที่อาจไม่ได้เรียนต่อ จึงตัดสินใจว่า หากบวชเป็นสามเณรแล้วไซร้ โอกาสได้เรียนต้องมีแน่นอน

ดร.พระมหามงคลกานต์ บอกว่าบวชเรียนทั้งการศึกษาวิชาการ และทางพุทธศาสนา ทำให้เราขัดเกลาได้ครบทุกด้าน กอปรกับขณะที่เป็นเด็กวัดก็ได้สวดมนต์ทำวัตร รู้ถึงความหมายของบทสวดและการนำไปปฏิบัติ เมื่อมาเรียนนักธรรมก็สามารถทำได้อย่างดี ขณะที่ด้านวิชาการ เมื่อชั้นม.ปลาย ก็เลือกเรียนสายวิทย์-คณิตเพราะเราชอบและทำได้ดี ขณะที่ทางธรรมก็เป็นสิ่งที่เรารัก กระทั่งใช้เวลาเพียงแค่ 4 ปี ก็สามารถจบชั้นมัธยมศึกษาได้และเมื่อเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ก็เลือกสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และความคิดก็พลันขึ้นมาในใจว่า

"ไม่คิดจะกลับย้อนไปอยู่บ้านอีกแล้ว"

"ดีใจมาก ตอนนั้นคิดว่าต้องสึกแล้ว ไปซื้อกางเกงมารอเตรียมสึกเพื่อจะเข้าไปเป็นนักศึกษาอย่างเต็มตัว แต่สุดท้ายก็พลิกผัน เพราะหลวงพ่อที่เมตตาเลี้ยงดูมาเกิดป่วยหนัก และลูกศิษย์ลูกหาก็หายไปกันหมดไม่มีใครดูแล เราจึงตัดสินใจกลับวัดไปดูแลหลวงพ่อดีกว่า และไม่สึกแล้ว ส่วนการเรียนเอาไว้ก่อน ให้หลวงพ่อหายดีแล้วกลับมาเรียนก็ได้" ดร.พระมหามงคลกานต์ ย้ำ

เมื่อได้ปรนนิบัติหลวงพ่อ ทำให้ ดร.พระมหามงคลกานต์ได้เห็นถึงความไม่แน่นอนในชีวิต และคิดว่าสุดท้ายแล้วเราก็คงจะเป็นเหมือนหลวงพ่อ แล้วชีวิตมันคืออะไรกันแน่ เรียนไปเพื่อสิ่งใดกันสิ่งที่ตั้งใจไว้คือร่ำเรียนหาความรู้ให้มากที่สุด แต่คำถามที่ยังไร้คำตอบกลับวกวนในความคิดว่าเราต้องการสิ่งใดกันแน่ หากเรียนแล้วจะนำไปใช้อะไร เพราะชีวิตก็ไม่แน่นอน จากเดิมที่คิดเอาไว้ว่าต้องเรียนเพื่อหนีความแร้นแค้นยากจน ปณิธานต้องแปรเปลี่ยน จากนี้จะร่ำเรียนเพื่อช่วยเหลือญาติโยมทุกเพศวัยทุกชนชั้น ทุกองค์ประกอบของสังคม

มุนานะ 20 ปี ศึกษาทุกศาสตร์

ดร.พระมหามงคลกานต์ บอกว่า ใช้เวลาเรียนระดับปริญญา 16 ใบ รวม 20 ปี เริ่มเรียนจาก มจร เชียงใหม่ ซึ่งเป็นปริญญาตรีใบแรก โดยระหว่างที่เรียนนั้นก็จะลงเรียนปริญญาตรีเพิ่มเติมอีก 2 ใบ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) และใช้เวลาเรียนจบพร้อมกันทั้ง 3 ใบแรก จากนั้นก็ลงเรียนเพิ่มเติมในสาขาวิชาต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง และที่มหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงขณะเดียวกันก็ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทควบคู่ไปด้วย

"สมัยที่อาตมาเรียนนั้น เวลาอ่านหนังสือรอบเดียวก็จำได้หมดแล้ว เรียกว่าเราสนุกกับการเรียนมาก และค่อนข้างจะตั้งใจแน่วแน่ ตั้งเป้าไว้เลยว่าต้องอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อยวันละ 12 ชั่วโมง และไม่ขยับไปไหน จะลุกออกจากโต๊ะหนังสือก็เพียงแค่เวลาฉัน และทำกิจส่วนตัวเท่านั้น และจะมานั่งอ่านอยู่ตลอด" ดร.พระมหามงคลกานต์ เล่าถึงการเรียน

อย่างไรก็ตาม ดร.พระมหามงคลกานต์ ยอมรับว่าด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้น ความจำอาจจะลดลงไปบ้าง เมื่ออ่านหนังสือก็ต้องอ่านซ้ำอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจ แต่อาศัยความขยันที่มุมานะมาทดแทนกำลังสมองที่เสื่อมไปตามวัย

"อาตมาร่ำเรียนในทุกด้าน ทั้งกฎหมาย สังคม ปรัชญา พุทธศาสนา เศรษฐศาสตร์ การตลาด เป็นต้น เพราะญาติโยมทุกคนที่ต้องการที่พึ่งจากศาสนานั้น ล้วนมาจากหลากหลายระดับ บ้างก็เป็นชาวบ้าน บ้างก็เป็นนักธุรกิจหรือนักกฎหมาย เราเรียนหลายๆ ศาสตร์เพื่อจะได้เข้าใจญาติโยมในทุกบริบทที่เขาเป็น เพื่อสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง และท้ายสุดเราก็จะนำหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนามาประยุกต์ร่วมกัน และนี่คือที่มาของเราที่ต้องเรียนหลากหลาย เรียกว่าเรียนเพื่อญาติโยม เรียนเพื่อสังคม เรียนเพื่อช่วยเหลือผู้คน"

จากเหตุดังกล่าว ไม่ว่าใครก็ตามทั้งอัยการ ผู้พิพากษา ชาวบ้านเกษตรกร นักการตลาด พระมหามงคลกานต์ก็สามารถพูดคุยได้ครบอย่างทุกระดับ เพราะความรู้ที่มีที่ได้สะสมมา ถูกนำมาใช้เพื่อปลอบประโลมความทุกข์ยากของเหล่าผู้ต้องการที่พึ่งจากวัดและจากพระสงฆ์

ความเด่นทางด้านวิชาการของ ดร.พระมหามงคลกานต์ ทำให้กรอบของอดีตที่ผ่านมาด้วยว่าพระสงฆ์ส่วนใหญ่แล้วจะมีของดี ของปลุกเสกเพื่อมอบให้พุทธศาสนิกชนไว้ยึดเหนี่ยวบูชา เป็นแรงต้านแห่งความขุ่นมัวของจิตใจนั้นเปลี่ยนไป หากแต่ถูกขับเคลื่อนปลอบประโลมญาติโยมด้วยความรู้แห่งความจริงด้านวิชาการ ที่แฝงไปด้วยบทธรรมะอันจับต้องได้และถือต่อไปปฏิบัติ และเหนืออื่นใดแล้วพระมหามงคลกานต์ ย้ำว่า ไม่ต้องการหยุดการเรียนเพียงเท่านี้ เพราะตัวเองก็ต้องการเรียนต่อไปจนถึงอายุ 60 ปี เพราะสังคมมีการเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน และเหตุใดเราจึงต้องหยุดการเรียนรู้ ดังนั้นแล้วคำว่าพอเพียงทางด้านการเรียนการศึกษาที่ได้ถามไป จึงไม่มีความหมายสำหรับ ดร.พระมหามงคลกานต์

ดร.พระมหามงคลกานต์ ย้ำว่า เราต้องไม่ทำตัวให้เหมือนน้ำที่เต็มแก้ว เติมไม่ได้แล้ว แต่เราต้องพร้อมที่จะเรียนรู้รับน้ำมาอยู่เสมอ ญาติโยมมีปัญหาเขาก็พึ่งหาพระ ดังนั้นเราจะเอาความรู้ที่ไหนไปบอกญาติโยม หากเราหยุดนิ่งเฉยเสีย การเรียนของเราก็เหมือนการตกปลานอกบ้าน เราอาจจะได้ปลาที่ตัวโตกว่าในหนองเราที่ตกเป็นประจำ ก็เหมือนการเรียน หากเรายังคิดแต่แบบเดิมแล้วมันก็ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะสังคมก็เดินหน้ารุดล้ำไปทุกวัน สิ่งอย่างมันแปรเปลี่ยนตามบริบทของมัน หากเราเองไม่พัฒนา แล้วจะเป็นที่พึ่งให้ญาติโยมได้อย่างไร

การเรียนก็คือสื่อธรรมะให้กับสังคม บริการประชาชน เปิดวิทยุทางความคิดความรู้ของเราให้ดังให้ชัดออกไป เพื่อให้เครือข่ายได้รับรู้ เพื่อเชื่อมโยงถึงกันและกันในทุกๆ ด้าน หรือเปิดสายตาแห่งความรู้ให้เหมือนสับปะรดที่มองเห็นอย่างรอบด้าน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องเรียนมากมาย

กระนั้นก็ตาม จำนวนปริญญาที่ได้รับมาสำหรับพระมหามงคลกานต์แล้วนั้น ก็ถือว่าสำเร็จแต่ยังไม่สิ้นสุดเท่านั้น ด้วยว่าเป็นคนที่กระหายใคร่รู้อยู่ตลอดเวลา การแสวงหาความรู้จึงสำคัญมากกว่าจำนวนของใบปริญญา เพียงแต่ปริญญาสำหรับพระมหามงคลกานต์แล้ว คือใบการันตีที่จะสามารถนำความรู้ไปใช้ต่อได้เท่านั้น

"การศึกษาตัวเองเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ต้องมองให้ออกว่าตัวเองพัฒนาได้ดีในด้านนั้นๆ แล้วหรือยัง ไปพูดกับใครวงแตกหรือไม่ หากยังไม่ถึงที่สุดก็ต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มันก็เหมือนชีวิตของอาตมาที่ยังรู้ตัวว่าต้องพัฒนาต่อไปอีก สมองเราอาจจะด้อยลงตามสังขาร แต่เราก็เสริมได้ด้วยแรงขยัน เพราะฉะนั้นจึงท้อหรือหยุดคงไม่ได้ด้วยว่ายังมีคนที่ต้องการความรู้จากเรา ทั้งลูกศิษย์ที่ต้องสอนและญาติโยมที่หวังพึ่งพิง"

ปัจจุบันนี้ ดร.พระมหามงคลกานต์ในวัย 36 ปี ดำรงสถานะเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งที่ จ.สุรินทร์ และยังเป็นอาจารย์ประจำสอนภาควิชาพุทธศาสตร์ที่มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อ.วังน้อยจ.พระนครศรีอยุธยา และยังคงตระเวนสอนหนังสือไปทั่วประเทศด้วยความรู้ที่สั่งสมมา

เหมือนแสงสว่างจุติกลางความมืดมิดในชั่วยามนี้ที่กระแสแห่งความศรัทธาของวงการผ้าเหลืองถูกถามหาจากสังคมพุทธ และ ดร.พระมหามงคลกานต์ถือเป็นพระอีกรูปหนึ่งที่อยู่ในห้วงแห่งความเป็นจริง ปัจจุบัน และจับต้องได้

"อาตมาหวังไว้ว่า อยากสร้างอุทยานการศึกษามหามงคลกานต์ ตอนนี้ได้ที่ดินมาแล้ว 4 ไร่ ที่ จ.สุรินทร์ อยากทำให้ที่แห่งนี้เป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุด ทั้งด้านเกษตรกรรม วิชาการ และธรรมะ หากภาคเหนือมีท่านว.วชิรเมธีได้ เหตุใดแล้วภาคอีสานจะมีท่าน ม.มหามงคลกานต์อย่างอาตมาอีกสักรูปที่ทำงานเพื่อสังคมบ้างไม่ได้" ดร.พระมหามงคลกานต์ ทิ้งท้ายด้วยความหวัง

เนื้อหาโดย: Fuckyou

ดร.พระมหามงคลกานต์
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Fuckyou's profile


โพสท์โดย: Fuckyou
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
40 VOTES (4/5 จาก 10 คน)
VOTED: หนูอยากโดนเย็ดดดดดดด, nkart, ginger bread, Armiixx
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
5 อันดับ ตึกที่สูงที่สุดของประเทศไทยในปัจจุบัน!สิบเลขขายดี แม่จำเนียร งวด 1/4/68จากอดีตสู่ปัจจุบัน: ร่องรอยการสั่นสะเทือนในแผ่นดินสยามกรณีแผ่นดินไหวแล้วอาคาร สตง. ถล่ม ต้นเหตุอาจเกิดจากทาวเวอร์เครนตึกร้าง "สาธรยูนีค ทาวเวอร์" ที่กำลังถูกพูดถึงในช่วงนี้!บริษัทจีน สร้างตึก สตง ชาวเน็ตจีนรุมจวก ลบข้อมูล แล้ว !!เปิดแฟ้มลับ 10 แผ่นดินไหวสุดโหด ที่โลก (อาจ) ลืมเลือนจุดชมนกนางนวล สะพานแดง สมุทรสาคร ที่เที่ยว ไปกรุงเทพฯองค์การสหประชาชาติประณาม ทหารพม่าปูพรมถล่มซ้ำเติมเหตุแผ่นดินไหวแผ่นดินไหวจากฝั่งพม่า สะเทือนถึงฝั่งไทยอีกครั้งมิยาซากิแสดงจุดยืนชัด! ตำนาน Ghibli ปฏิเสธ AI ในวงการแอนิเมชันเมื่อสั่งซื้อไฮเตอร์จากเซเว่น แล้วพนักงานแถมหลอดมาให้ด้วย เอ๊ะ! แบบนี้หมายความว่ายังไง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เปิดแฟ้มลับ 10 แผ่นดินไหวสุดโหด ที่โลก (อาจ) ลืมเลือนOne Piece ตอนที่ 1144 วันที่และเวลาวางจำหน่ายกรณีแผ่นดินไหวแล้วอาคาร สตง. ถล่ม ต้นเหตุอาจเกิดจากทาวเวอร์เครนบริษัทจีน สร้างตึก สตง ชาวเน็ตจีนรุมจวก ลบข้อมูล แล้ว !!องค์การสหประชาชาติประณาม ทหารพม่าปูพรมถล่มซ้ำเติมเหตุแผ่นดินไหว
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
ญี่ปุ่นเตือน!! ภูเขาไฟเกาะคิวชู มีควันพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง อาจปะทุขึ้นเร็ว ๆ นี้ ประชาชนในพื้นที่ต้องระวัง ☹️กรณีแผ่นดินไหวแล้วอาคาร สตง. ถล่ม ต้นเหตุอาจเกิดจากทาวเวอร์เครนบริษัทจีน สร้างตึก สตง ชาวเน็ตจีนรุมจวก ลบข้อมูล แล้ว !!องค์การสหประชาชาติประณาม ทหารพม่าปูพรมถล่มซ้ำเติมเหตุแผ่นดินไหว
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน Lineหาเพื่อน SkypePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageแชร์ลิ้ง
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง