คดีฆ่าพริตตี้เมื่อสังคม 'วิปริต' สุดขั้ว (มีคลิป)
คดีฆ่าพริตตี้เมื่อสังคม 'วิปริต' สุดขั้ว
หากจะ "ย้อนรอย" คดีดัง ในช่วงปีใหม่ 2556 คงไม่มีใครเกินหน้า คดี "ฆ่าแล้วเผา แถมเฉือนจิ๋ม" ของพริตตี้สาวสวย น.ส.อัจฉราณี รักเชื้อ อายุแค่ 23 ปี คาแมนชั่นหรู ย่านปากเกร็ด และตำรวจก็ทำงานแบบ "สุดยอด" สามารถจับกุมคนร้ายได้ในไม่กี่วัน หลังคดีมีทีท่าว่าจะยืดเยื้อออกไป หลังผู้ต้องหาคือ "ไอ้แบงค์" นายไพโรจน์ นันทตันติ อายุแค่ 22 ปี ที่มีทั้งเงินและพรรคพวก ใช้กลวิธีซิกแซก จนเล็ดรอดสายตาตำรวจที่ตามล่าอย่างหนัก ไปได้ แต่เหมือน "บาปกรรม" มีจริง เพราะไอ้แบงค์ ไปจนมุมที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ขณะที่ "อำพรางตัว" บวชเป็นพระ และพยายามจะหลบพนีข้ามแดนไปที่ประเทศพม่า แต่ก็มาถูกจับได้ก่อนที่จะข้ามแดนไปเพียง 500 เมตร ซึ่งหากโจรโรคจิตคนนี้เล็ดรอดออกไปได้ ก็ไม่รู้ว่าจะสามาครถจับกุมตัวได้หรือไม่
จึงนับเป็นโชคดีและบังเอิญที่สามารถรวบตัวได้ โดยหลังจากที่จับกุมได้ หากจะ "วิเคราะห์" ตามปูมหลังและพฤติกรรมของคนร้าย ต้องถือว่า "โหด...้ยม" ผิดมนุษย์มนา เพราะก่อนที่จะฆ่าสาวพริตตี้รายนี้แล้ว ไอ้แบงค์ยังก่อคดีถึง 7 คดี ก่อนหน้านี้ และคดีสำคัญที่ต้อง "ขยายผล" ต่อ คือคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงไทย สาขาวัดตึก ถึง 21 ล้านบาท และสามารถ "หลบหนี" ลอยนอวล มาเปิดร้านเหล้า ทำโน่นทำนี่มากกมายก็ไม่ถูกจับกุม จนกระทั่งมาพบรักกับ "น้องแอ้ม" สาวพริตตี้ จนกลายมาเป็นคดีสะเทือนขวัญดังกล่าว เมื่อไอ้แบงค์มีเงินสดๆ มากมายถึง 21 ล้านบาท ทำให้หลายๆ ครั้ง สามารถหลบหนีการจับกุมได้ทุกครั้ง และเมื่อจับกุมได้ ไอ้แบงค์ถึงกับเอ่ยปากว่า "ตำรวจเก่งจริงๆ ที่สามารถจับตัวเขาได้"
ซึ่งจากพฤติกรรมของการกระทำดังกล่าว ถือว่าเข้าข่าย "จิตวิปริต" แม้ว่าไอ้แบงค์จะบอกว่า "เมา" และบันดาลโทสะ จึงก่อเหตุเช่นนั้น แต่หากพิจารณาจากพฤติกรรมแล้ว ไม่น่าจะเข้าข่ายบันดาลโทสะแน่ แต่น่าจะเป็น "กมลสันดาน" ที่ถูกบ่งชี้ให้กระทำมากกว่า ทั้งการเอามีดโกนเชือดคอ และตามร่างกายยังเขียนชื่อของหลายๆ คนที่ตนเองสงสัยว่าจะมาพัวพันกับแฟนสาวพริตตี้ ถึง 3 ชื่อ หรือการเฉือนอวัยวะเพศใส่ปากผู้ตาย ยังไม่พอยังเผาซ้ำเพื่อทำลายหลักฐาน ซึ่งหากคนที่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หาก "พลั้งมือ" ตามคำสารภาพ คงไม่น่าจะทำอะไรต่อเนื่องมากมายเช่นนี้
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ไอ้แบงค์ คงเตรียมการเพื่อก่อเหตุมาอย่างดี รูปคดีจึงออกมาแบบนี้ ทางคดีก็คงว่ากันไป เพราะคดีสะเทือนขวัญเช่นนี้ โทษสูงสุดคือ "ประหารชีวิต" แต่สิ่งที่เป็น "อุทาหรณ์" ให้กับสังคมในยุค "วัตถุนิยม" ยามนี้ คือ จิตใจที่มองทุกอย่างเป็นเงินตรา มากกว่าค่าทางจิตใจ คดีโหดเช่นนี้จึงมีให้เห็นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว วันนี้ สังคมไทย เข้าขั้น "วิปริต" จิตวิปลาสไปแล้ว...
ซึ่งตอนนี้รายการข่าวดังข้ามเวลาได้นำข่าวนี้มาเรียบเรียงใหม่ทำเป็นสารคดีในเชิงเจาะลึก
แหล่งที่มา:
INNNEWS.CO.TH
https://youtu.be/CV2tYQBsZMU
https://youtu.be/BEmUfMW5U0Ms
https://youtu.be/wNTMv2nF2sc