เฉลยแล้ว! โฉมหน้าตำรวจสายลับปลอมเป็นเด็กวัด แฝงตัววัดไร่ขิงจับพิรุธ
เปิดปฏิบัติการแฝงตัวล้วงลึก 8 เดือน! “ผู้กองเด็กวัด” แฉแผนเด็ดจับ ทิดแย้ม คดีฉาวยักยอกเงินวัดไร่ขิงกว่า 300 ล้าน
กลายเป็นหนึ่งในคดีทุจริตที่สะเทือนวงการศาสนาและสังคมไทยมากที่สุดในปี 2568 เมื่ออดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ทิดแย้ม” ถูกตำรวจสอบสวนกลางแจ้งข้อหายักยอกทรัพย์ หลังมีหลักฐานชัดเจนว่ามีการนำเงินวัดมากกว่า 300 ล้านบาท ไปเล่นพนันออนไลน์ผ่านเว็บบารา ภารา (BaraPara) ซึ่งเป็นเว็บพนันข้ามชาติ
แต่ที่สร้างความตกตะลึงไปมากกว่านั้น คือวิธีการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ในการคลี่คลายคดีนี้ โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เผยเบื้องหลังว่า มีการส่งสายลับแฝงตัวเข้าไปในวัดไร่ขิง โดยใช้สถานะ "เด็กวัด" อยู่กินนอนทำงานในวัดกว่า 8 เดือนเต็ม จนได้รับความไว้วางใจจากพระและลูกศิษย์วัด และสามารถเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเงิน และพฤติกรรมที่น่าสงสัยของอดีตเจ้าอาวาสได้อย่างละเอียด ก่อนจะนำมาสู่การขอหมายจับและการเข้าตรวจค้นครั้งใหญ่
แฝงตัวเป็นเด็กวัดนานเกือบปี เบื้องหลังความสำเร็จของ "ร.ต.อ.นิติธร" ผู้กองนักสืบสายเหล็ก
บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังภารกิจแฝงตัวสุดท้าทายนี้ก็คือ ร.ต.อ.นิติธร ประชันกาญจนา รองสารวัตร กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม หรือที่ในวงการเรียกว่า "ตำรวจเหล็ก" ด้วยฉายาไม่ธรรมดาและผลงานที่เป็นที่รู้จักกันดี เขาเคยเป็นอดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย และเคยมีบทบาทในคดีสะเทือนขวัญหลายคดี อาทิ
- จับกุม “ไอ้เอ็ม มือสังหารเศรษฐีนีสายบุญ” ยัดศพไว้ในตู้เย็นที่เชียงใหม่
- จับกุมคดีฆ่ายกครัว 5 ศพ จังหวัดอุตรดิตถ์
- รวบ "หมิ ณัฏฐกิตติ์" เจ้าของโรงงานเชือดหมู ยิงสารวัตรกำนันดับกลางงานเลี้ยง
- จับกุมนายอำนาจ “เก่ง หยาดเพชร” มือปืนกราดยิงบ้านทหารยศพลโทจนเสียชีวิต
ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชนในด้านการสืบสวน และทักษะการเอาตัวรอดในสถานการณ์เสี่ยงสูง ร.ต.อ.นิติธรจึงได้รับมอบหมายภารกิจลับสุดยอดนี้ ซึ่งใช้เวลากว่า 8 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 จนถึงช่วงกลางปี 2568 ที่ผ่านมา
ภารกิจเสี่ยงตายภายใต้จีวร: เมื่อ "ผู้กอง" ต้องใช้ชีวิตเป็นเด็กวัด
ในช่วงระยะเวลาที่แฝงตัวอยู่ในวัดไร่ขิง ร.ต.อ.นิติธร ต้องรับบทบาทเป็น “เด็กวัด” อย่างเต็มตัว ตั้งแต่ล้างบาตร กวาดลานวัด รับใช้พระ ไปจนถึงงานเล็กน้อยทุกอย่างในวัดโดยไม่มีใครล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้ว เขาคือตำรวจสายสืบที่กำลังตามสืบคดีใหญ่อยู่
การปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความศรัทธาและอำนาจภายในวัดไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าที่เขาจะได้รับความไว้วางใจจากบุคคลในวัด ต้องอาศัยความอดทน การแสดงออกอย่างแนบเนียน และต้องปิดบังตัวตนแม้ในเวลาที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย หรือเมื่อมีเหตุการณ์ที่เสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวตน
ความสามารถในการแฝงตัวของเขา ทำให้สามารถสังเกตพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการเงินของทิดแย้มได้อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การนำเงินบริจาคออกไปใช้ส่วนตัว ไปจนถึงธุรกรรมทางการเงินที่เชื่อมโยงกับเว็บพนัน
หลักฐานชัดเจน นำสู่หมายจับ และการจู่โจมครั้งใหญ่
หลังจากเก็บหลักฐานมานานกว่า 8 เดือน ในที่สุดตำรวจก็สามารถรวบรวมข้อมูลที่เพียงพอเพื่อขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออก หมายจับ ต่ออดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง
การเข้าตรวจค้นวัดมีขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือน พฤษภาคม 2568 โดยแบ่งพื้นที่เข้าค้น 4 จุด ได้แก่:
ภายในวัดไร่ขิง 3 จุด
บ้านพักของเจ้าหน้าที่วัด 1 จุด
การปฏิบัติการดำเนินการโดยทีมสืบสวนและปราบปรามชุดใหญ่ พร้อมด้วย ร.ต.อ.นิติธร ที่ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในบทบาทเด็กวัดอีกต่อไป แต่รับหน้าที่อ่านหมายศาลต่อหน้าผู้ช่วยเจ้าอาวาสและเจ้าหน้าที่ในวัดอย่างเป็นทางการ
จากเด็กเลี้ยงควายสู่ตำรวจต้นแบบของยุค
ชีวิตของ ร.ต.อ.นิติธร เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความพยายามและการสู้ชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก เขาเกิดที่จังหวัดขอนแก่น ในครอบครัวชาวนา เป็นพี่ชายคนโตของบ้านที่มีพี่น้อง 4 คน ต้องช่วยงานบ้านตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กเลี้ยงควายและเคยทำงานจับกังหลังเรียนจบมัธยม
ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เขาทำงานอยู่โรงทอผ้าสมุทรปราการแต่ถูกเลิกจ้าง ต้องเกณฑ์ทหารและต่อสู้จนสามารถสอบเข้าเป็นตำรวจนครบาลรุ่น 70 ได้สำเร็จ เข้ารับราชการในตำแหน่งผู้บังคับหมู่จราจร สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง พร้อมหารายได้เสริมจากการขับรถเก็บเศษเหล็กมาขายเพื่อส่งตัวเองเรียน
แม้จะมีสื่อมาชักชวนไปออกรายการ “สู้แล้วรวย” แต่เขากลับตอบปฏิเสธในเวลานั้นด้วยเหตุผลเรียบง่ายว่า “ยังไม่รวย”
วัดไม่ใช่ที่ปลอดภัยหากไร้การตรวจสอบ
คดีทิดแย้มเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้สถานที่ที่ควรจะเป็นแหล่งของศรัทธาอย่าง “วัด” ก็สามารถตกเป็นเหยื่อของการทุจริตได้ หากขาดระบบตรวจสอบและมีบุคคลใช้อำนาจในทางที่ผิด
โชคดีที่มีตำรวจน้ำดีอย่าง ร.ต.อ.นิติธร และทีมสืบสวนที่ทุ่มเทและเสียสละอย่างแท้จริง คดีนี้ไม่ได้แค่ทำให้เห็นความสามารถของเจ้าหน้าที่ไทย แต่ยังจุดประกายความหวังว่า ประเทศไทยยังมี "ผู้กล้า" ที่พร้อมปกป้องความถูกต้อง แม้ต้องแลกด้วยความเหนื่อยยาก และความเสี่ยงอันตราย
หากคุณเห็นด้วยว่าสังคมไทยต้องมีระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง และมีตำรวจมืออาชีพอย่าง “ร.ต.อ.นิติธร” ช่วยกันแชร์เรื่องราวนี้ให้คนไทยรับรู้ และให้ความยุติธรรมเป็นสิ่งที่จับต้องได้จริงในสังคมไทย










