พอชาติอื่นขยับ “ฮุนเซน” ก็สั่งปราบจีนเทาทันที
สำนักข่าวเฟรชนิวส์ของกัมพูชา รายงานเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนครึ่งที่ผ่านมา ว่าตำรวจและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของกัมพูชา ได้บุกตรวจค้นอาคารไดมอนด์ อิน เดอะ สกาย ใจกลางกรุงพนมเปญ หลังได้รับข้อมูลว่าเป็นจุดจำหน่ายยาเสพติดและแหล่งซ่อนตัวของกลุ่มอาชญากรรมออนไลน์
การปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างเงียบแต่รวดเร็ว เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมอาคารก่อนบุกเข้าตรวจค้นภายใน พบชายและหญิงมากกว่า 100 คน ซึ่งมีทั้งชาวจีน เวียดนาม และกัมพูชาอยู่รวมกัน โดยทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปสอบสวนเพื่อขยายผลถึงเครือข่ายใหญ่ที่อาจเชื่อมโยงกับขบวนการคอลเซนเตอร์ในหลายประเทศ
เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมออนไลน์ของรัฐบาลกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งคณะเจ้าหน้าที่มาหารือที่พนมเปญเมื่อคืนก่อนหน้า แต่ผู้สังเกตการณ์ในกัมพูชากลับมองว่า จังหวะเวลาที่เกิดขึ้นใกล้เคียงกันเกินไปจนยากจะมองว่าเป็นเรื่องบังเอิญ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเกาหลีใต้เพิ่งส่งคณะเจ้าหน้าที่มาหารือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อขอความร่วมมือในการช่วยเหลือแรงงานชาวเกาหลีที่ถูกหลอกมาทำงานในเครือข่ายคอลเซนเตอร์ที่ตั้งอยู่ในกัมพูชา การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายจับตาว่า รัฐบาลกัมพูชาจะตอบสนองอย่างไรต่อแรงกดดันจากต่างประเทศ
อาคารไดมอนด์ อิน เดอะ สกาย เป็นตึกหรูที่ตั้งอยู่กลางเมืองพนมเปญ ภายนอกดูเหมือนโครงการอสังหาริมทรัพย์ทันสมัย แต่ในทางลับกลับถูกกล่าวหามาหลายครั้งว่าเป็นสถานที่ใช้กักขังแรงงานจากต่างประเทศที่ถูกหลอกมาทำงานในแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยเฉพาะแรงงานจากไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
ภายในอาคารมีการแบ่งห้องเป็นโซน มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา และมีคนเข้าออกตลอดเวลาในช่วงกลางคืน ทำให้ที่นี่ถูกจับตามองมานานว่าอาจเป็นศูนย์กลางของอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายจีน
หลังจากสมเด็จฮุนมาเนตเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาพยายามแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกัมพูชาให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์และยาเสพติด เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ว่ากัมพูชาไม่ใช่แหล่งหลบภัยของ “กลุ่มจีนเทา” อีกต่อไป การบุกจับครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณทางการเมือง ว่ากัมพูชาเอาจริงและพร้อมร่วมมือกับนานาชาติ
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า การเคลื่อนไหวของรัฐบาลกัมพูชาในครั้งนี้ ไม่ได้มีแค่เหตุผลด้านความมั่นคง แต่ยังสะท้อนถึงแรงกดดันทางการทูตที่เพิ่มขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้านและชาติตะวันออก เช่น เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งต่างต้องการให้กัมพูชาควบคุมอาชญากรรมข้ามชาติที่เกิดขึ้นในประเทศ
ขณะเดียวกัน การปราบปรามที่เกิดขึ้นในจังหวะที่หลายประเทศเริ่มลงมือจัดการกับแก๊งคอลเซนเตอร์ในภูมิภาค ยิ่งทำให้เห็นภาพว่า ฮุนมาเนตกำลังพยายามวางตำแหน่งกัมพูชาให้เป็นประเทศที่ “ร่วมมือมากกว่าท้าทาย” กับเพื่อนบ้านและพันธมิตรทางเศรษฐกิจ
แม้ทางการกัมพูชาจะยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเกาหลีใต้ แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า การบุกจับกลางดึกในอาคารหรูใจกลางเมืองพนมเปญ อาจไม่ใช่เพียงการปราบปรามอาชญากรรมทั่วไปเท่านั้น หากยังเป็น “สัญญาณตอบรับ” ทางการเมืองต่อสายตาของนานาชาติ
การเคลื่อนไหวของฮุนมาเนตในครั้งนี้จึงสะท้อนชัดว่า กัมพูชาไม่อยากถูกมองเป็นประเทศที่ยอมปล่อยให้ “จีนเทา” ครอบงำอีกต่อไป และต้องการฟื้นภาพลักษณ์ใหม่ในสายตาโลกว่า กัมพูชาก็สามารถยืนอยู่ในเวทีระหว่างประเทศได้อย่างสง่างาม





















