ผู้นำและกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องของทางกัมพูชาเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้คนเกาหลี พาคนเกาหลีมาพูดให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาคมโลก ว่ากัมพูชายัง "ปลอดภัย" เสมอ สำหรับผู้มาเยือน
ในช่วงเวลาที่ประเทศกัมพูชาต้องเผชิญกับกระแสข่าวด้านลบเกี่ยวกับปัญหาสแกมเมอร์และการค้ามนุษย์ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มนักเดินทางหลักของประเทศ ทางรัฐบาลกัมพูชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้เร่งขับเคลื่อนมาตรการสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาอย่างจริงจัง หนึ่งในแนวทางสำคัญคือการใช้ “พลังของสื่อเชิงบวก” ผ่านการเล่าเรื่องราวของหญิงชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในกัมพูชา เพื่อถ่ายทอดภาพลักษณ์ที่แท้จริงของประเทศนี้ออกไปสู่สายตาชาวโลก
หญิงเกาหลีเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงนักท่องเที่ยว แต่เป็นผู้อยู่อาศัยจริงในกัมพูชา บางคนทำงานในภาคธุรกิจและการท่องเที่ยว บางคนเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก พวกเธอได้ร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกระทรวงข้อมูลของกัมพูชา เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สะท้อนถึงชีวิตประจำวันอย่างเป็นจริงในประเทศ—ตั้งแต่ภาพของตลาดพื้นเมืองที่คึกคัก วัดวาอารามที่สงบงดงาม ไปจนถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่อบอุ่นและเป็นมิตร
แคมเปญนี้มุ่งเน้นให้เห็นว่า กัมพูชาไม่ได้เป็นเพียงภาพของข่าวอาชญากรรมที่หลายสำนักนำเสนอเท่านั้น แต่ยังเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยโอกาสและวัฒนธรรมอันรุ่มรวย พวกเธอเล่าประสบการณ์ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในพนมเปญและเสียมราฐอย่างปลอดภัย บางคนยังบอกว่า “ความจริงแล้ว ผู้คนในกัมพูชามีน้ำใจมากกว่าที่ข่าวต่างประเทศหลายแห่งเข้าใจ” เสียงเหล่านี้ค่อย ๆ สร้างแรงสะเทือนในโลกออนไลน์ จนผู้ชมเริ่มตั้งคำถามกับภาพจำเก่า ๆ ที่เคยถูกสื่อปลูกฝัง
รัฐบาลเองก็ไม่ได้นิ่งเฉยต่อปัญหาข่าวลบที่เกิดขึ้น กระทรวงต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดแถลงข่าวและเผยแพร่ข้อมูลเชิงจริง พร้อมชี้แจงความคืบหน้าของการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ รวมถึงการเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในเมืองหลัก การยกระดับคุณภาพของไกด์ท้องถิ่นและบริการขนส่งก็เป็นอีกหนึ่งความพยายามที่ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
เมื่อเสียงจาก “คนในพื้นที่จริง” ถูกส่งต่อผ่านโซเชียลมีเดีย มันกลายเป็นพลังใหม่ที่ช่วยพลิกภาพลักษณ์ของกัมพูชาให้ดูอบอุ่นและน่าเยือนได้อีกครั้ง คลิปของหญิงเกาหลีบางคนที่เดินเที่ยวตลาดกลางคืนในเสียมราฐ หรือทำคอนเทนต์รีวิวร้านกาแฟในพนมเปญ กลับมียอดเข้าชมหลายล้านครั้ง และได้รับคอมเมนต์เชิงบวกจากผู้ชมทั่วโลก โดยเฉพาะจากผู้ที่เคยลังเลจะมาเยือน
ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดกระแสความกลัวในหมู่นักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ “สื่อและเรื่องเล่า” เป็นเครื่องมือทางการทูตแบบใหม่ ที่เชื่อมโยงหัวใจผู้คนมากกว่าตัวเลขหรือถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการ กัมพูชากำลังพยายามบอกกับโลกว่า “เราไม่ใช่แค่ประเทศที่มีอดีต แต่เรามีปัจจุบันที่สวยงาม และอนาคตที่พร้อมเปิดรับทุกคน”
ภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะในคลิปของหญิงชาวเกาหลีเหล่านั้น มีสารที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง—ว่านี่คือประเทศที่ยังคงมีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยผู้คนที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของบ้านเกิด ให้กลับมาสง่างามอีกครั้งในสายตาชาวโลก.
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความตั้งใจที่จะทำการแก้ไขภาพลักษณ์ของทางกัมพูชานั้น จะมีความพยายามตั้งใจทำอย่างเต็มที่ แต่ปัญหาต่างๆ ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนั้น มาตรการเหล่านี้จะใช้ได้ผลหรือไม่ ? คำตอบนั้น พวกเราคงจะได้รู้กันในไม่ช้านี้เด้อครับเด้อ






















