จีนย้ำจุดยืน “เป็นกลาง” ปมปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ปัดข่าวส่งอาวุธ หนุนสันติวิธีแก้ปัญหา
วันที่ 9 ตุลาคม 2568 — ทางการจีนออกแถลงการณ์ยืนยันอย่างชัดเจนว่า “จีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา” และ “ไม่เข้าข้างฝ่ายใด” หลังมีกระแสข่าวว่าจีนอาจเป็นผู้ส่งอาวุธให้กัมพูชาก่อนเหตุการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย ได้หารือกับนายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมขอให้จีนช่วยส่งเสริมการพูดคุยในเชิงสันติภาพระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้าน
ไทยขอบคุณจีนที่ส่งเสริมสันติภาพ
นายสีหศักดิ์กล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่คงท่าทีเป็นกลาง และส่งสัญญาณสนับสนุนการใช้ “กลไกทวิภาคี” เพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยไม่ใช้ความรุนแรง พร้อมย้ำถึงความห่วงกังวลต่อข่าวลือที่ว่าจีนมีส่วนในการจัดส่งยุทโธปกรณ์ให้กัมพูชา
จีนปฏิเสธชัด ไม่แทรกแซง–ไม่ส่งอาวุธ
ด้านนายจาง เจี้ยนเว่ย ยืนยันว่า “จีนไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศใด และยึดมั่นในจุดยืนแห่งความเป็นกลางเสมอ” พร้อมปฏิเสธข่าวลือเรื่องการส่งอาวุธ โดยชี้แจงว่าความร่วมมือทางทหารระหว่างจีนกับกัมพูชาเป็นไปตามกรอบความสัมพันธ์ปกติ ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย–กัมพูชาแต่อย่างใด
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า จีนไม่สนับสนุนการใช้กำลังทางทหารต่อประเทศไทย และมุ่งหวังให้ทุกฝ่ายหันกลับมาพูดคุยกันผ่านช่องทางการทูต ทั้งในระดับทวิภาคีและในกรอบอาเซียน
เสียงสะท้อนจากฝั่งพนมเปญ
ขณะเดียวกัน สถานทูตจีนในกรุงพนมเปญเผยถ้อยแถลงของนายหวัง เหวินปิน เอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชา ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า
> “จีนจะคงการสนับสนุนกัมพูชาในการปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์แห่งการพัฒนา และจะเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือของกัมพูชาตลอดไป”
แม้ถ้อยคำดังกล่าวจะถูกตีความต่างกัน — ฝ่ายไทยเห็นว่าเป็นการกล่าวเชิงมิตรภาพทั่วไป แต่บางสื่อกัมพูชากลับนำเสนอในทิศทางที่ตีความว่าจีนยืนข้างพนมเปญ — กระนั้น จีนยังคงย้ำว่าไม่ได้มีเจตนาสนับสนุนฝ่ายใดในการเผชิญหน้า
สรุปภาพรวมทางการทูต
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงแนวทางการทูตแบบ “สมดุลและระมัดระวัง” ของจีน ที่พยายามรักษาความสัมพันธ์อันดีกับทั้งไทยและกัมพูชาในเวลาเดียวกัน โดยเลือกใช้ถ้อยคำทางการทูตที่เน้นการเจรจา ไม่ใช่การเผชิญหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้ความตึงเครียดลุกลามไปสู่ความขัดแย้งระดับภูมิภาค
จีนจึงยังคงยืนอยู่ในบทบาท “ผู้สนับสนุนสันติภาพ” มากกว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในความขัดแย้ง และเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศใช้สติและการทูตในการหาทางออกที่ยั่งยืนร่วมกัน.






















