ด่วน! “ปารีณา” รอดนอนคุก ศาลเมตตาให้ประกัน 1 ล้าน ไม่มีเงื่อนไข คดีรุกป่ายังไม่จบ!
ปารีณา รอดนอนคุก ศาลให้ประกันตัว 1 ล้านบาท หลังถูกพิพากษาจำคุก 4 ปี 1 เดือน คดีรุกป่า — เรื่องราวที่คนทั้งประเทศจับตา
ต้องบอกเลยว่าข่าวนี้ร้อนแรงในโลกโซเชียลตั้งแต่เช้า! หลังจากที่ศาลจังหวัดราชบุรีมีคำพิพากษาให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จำคุกเป็นเวลา 4 ปี 1 เดือน พร้อมปรับเงิน 60,000 บาท ในคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นคดีที่ถูกพูดถึงมายาวนานตั้งแต่หลายปีก่อน จนกระทั่งวันนี้ก็ถึงจุดที่ศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้ว
แต่ที่ทำให้หลายคนหันมาสนใจมากขึ้นคือ หลังจากคำพิพากษาออกมาเพียงไม่นาน ทางฝ่ายทนายของ น.ส.ปารีณา ก็ได้รีบยื่นขอ ประกันตัวเป็นเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท และล่าสุดศาลมีคำสั่ง อนุญาตให้ประกันตัวโดยไม่กำหนดเงื่อนไข ส่งผลให้เธอไม่ต้องถูกนำตัวเข้าเรือนจำในทันที
หลายคนในโลกออนไลน์ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างคึกคัก บ้างก็เห็นใจ บ้างก็ตั้งคำถามถึงกระบวนการยุติธรรม และบางส่วนก็นำไปเปรียบเทียบกับคดีอื่น ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
🔍 ย้อนที่มาคดีรุกป่าราชบุรี ที่ลากยาวกว่าทศวรรษ
คดีนี้เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปี 2555 – 2565 ซึ่งอัยการจังหวัดราชบุรีได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 ในความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ, พระราชบัญญัติป่าไม้, ประมวลกฎหมายที่ดิน และพระราชบัญญัติน้ำบาดาล
โดยคำฟ้องระบุว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันบุกรุกพื้นที่ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาซี หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ป่าเขาสน” ตั้งอยู่หมู่ 6 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ตามข้อมูลจากคดี ระบุว่ามีการก่อสร้าง แผ้วถางป่า และใช้ประโยชน์ในพื้นที่รวมถึง 681 ไร่ 1 งาน 37 ตารางวา โดยแบ่งเป็น 4 แปลง ได้แก่
แปลงที่ 1: เนื้อที่ 387 ไร่ 80 ตารางวา
แปลงที่ 2: เนื้อที่ 207 ไร่ 2 งาน 41 ตารางวา
แปลงที่ 3: เนื้อที่ 70 ไร่ 2 งาน 32 ตารางวา
แปลงที่ 4: เนื้อที่ 15 ไร่ 3 งาน 84 ตารางวา
กิจกรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวมีทั้งการ สร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่, สร้างบ้านพัก, ปักเสาไฟ, สร้างแทงค์น้ำ และ ขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล ซึ่งล้วนเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสภาพป่าสงวนแห่งชาติ
ผลจากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ที่ถูกบุกรุกมีความเสียหายต่อรัฐคิดเป็นมูลค่ากว่า 35,369,459.10 บาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก และสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของการบุกรุกพื้นที่ป่าครั้งนี้
⚖️ ศาลมีคำพิพากษาชัดเจน จำคุกไม่รอลงอาญา
ศาลจังหวัดราชบุรีได้พิจารณาคดีและมีคำพิพากษาว่า น.ส.ปารีณา มีความผิดจริงตามที่ถูกฟ้อง โดยให้จำคุก 4 ปี 1 เดือน และปรับ 60,000 บาท ซึ่งศาลไม่ได้รอการลงอาญา หมายความว่าตามกฎหมายแล้วจำเลยต้องถูกจำคุกจริง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังคำพิพากษา ทางฝ่ายทนายของ น.ส.ปารีณา ได้ดำเนินการ ยื่นขอประกันตัว ทันที โดยใช้เงินสด 1 ล้านบาท เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดย ไม่กำหนดเงื่อนไขใด ๆ
ทำให้เธอสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน และไม่ต้องเข้าเรือนจำระหว่างอุทธรณ์คดี
💬 เสียงจากโลกออนไลน์ — “รอดอีกแล้วหรือ?”
หลังข่าวนี้ออกมา ไม่ถึงชั่วโมงชื่อของ “ปารีณา” ก็ขึ้นเทรนด์ใน X (Twitter เดิม) และถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง หลายคนแสดงความคิดเห็นเชิงประชดประชัน เช่น
“1 ล้านแลกกับอิสรภาพหลังโดนจำคุก 4 ปี 1 เดือน มันคุ้มไหมนะ?”
“อยากให้ทุกคดีได้รับการพิจารณาเท่าเทียมแบบนี้จัง”
“ศาลให้ประกันไม่ใช่เรื่องผิด แต่คดีรุกป่าความเสียหายตั้งสามสิบกว่าล้าน ใครจะรับผิดชอบ?”
ขณะที่บางส่วนก็ออกมาแสดงความคิดเห็นในอีกมุมหนึ่งว่า ทุกคนควรได้รับสิทธิ์ในการขอประกันตัวเหมือนกันตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งศาลก็มีดุลพินิจที่จะพิจารณาเป็นรายกรณีไป
มีชาวโซเชียลบางคนวิเคราะห์ว่า การอนุญาตให้ประกันตัวไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะคดีนี้แม้จะมีคำพิพากษาแล้ว แต่ยังสามารถยื่นอุทธรณ์และฎีกาได้ การปล่อยชั่วคราวจึงเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายของจำเลย
🏛️ คดีรุกป่า — ปัญหาเก่าที่ไทยยังแก้ไม่จบ
แม้จะเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับบุคคลมีชื่อเสียง แต่คดีรุกป่าลักษณะนี้เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และกลายเป็นหนึ่งในปัญหาเรื้อรังของประเทศไทย เพราะการบุกรุกป่าเพื่อทำเกษตร สร้างฟาร์ม หรือใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ มักเกิดจากช่องว่างของกฎหมายและการบังคับใช้ที่ไม่เข้มงวด
ในกรณีของ น.ส.ปารีณา นั้น ประเด็นที่ทำให้คดีนี้ถูกพูดถึงมากเป็นพิเศษเพราะเธอเคยเป็น นักการเมืองระดับชาติ และเป็นหนึ่งในบุคคลที่มักแสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างชัดเจนในหลายประเด็น เมื่อมาถูกดำเนินคดีเสียเอง จึงยิ่งทำให้ผู้คนสนใจว่า “จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกับประชาชนทั่วไปหรือไม่”
📚 บทเรียนจากคดีปารีณา
สิ่งที่หลายคนสะท้อนหลังจากคดีนี้คือ บทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรของรัฐ และความรับผิดชอบของผู้ดำรงตำแหน่งสาธารณะ
การครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวน แม้จะอ้างว่าใช้ประโยชน์เพื่อเกษตรกรรม หรือเลี้ยงสัตว์ แต่หากไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้อง ก็ถือว่าผิดกฎหมายโดยชัดเจน และอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศในระยะยาว
คดีนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบตรวจสอบ เพราะหากไม่มีการร้องเรียนจากหน่วยงานตรวจสอบ หรือแรงกดดันจากสังคม อาจทำให้คดีลักษณะนี้ถูกมองข้ามไปได้ง่าย
👀 ปารีณาหลังคำพิพากษา — จะสู้ต่อหรือไม่?
แม้จะยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจาก น.ส.ปารีณา หลังจากได้รับการประกันตัว แต่จากกระแสข่าวภายในระบุว่า เธอมีแนวโน้มที่จะ อุทธรณ์คดีต่อ เพื่อขอให้ศาลชั้นสูงพิจารณาใหม่
ที่ผ่านมาเธอมักโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียแสดงความมั่นใจและยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ซึ่งหากยึดตามแนวทางเดิมก็มีความเป็นไปได้สูงว่าเธอจะไม่ยอมแพ้ในชั้นนี้แน่นอน
🧭 มุมมองทางกฎหมาย — ทำไมศาลถึงให้ประกัน?
หลายคนอาจสงสัยว่า “เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ยังให้ประกันได้อีกหรือ?” คำตอบคือ “ได้” เพราะคดีนี้ยังสามารถเข้าสู่กระบวนการอุทธรณ์ได้ และกฎหมายไทยเปิดโอกาสให้จำเลยยื่นขอปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์หรือฎีกาได้ หากศาลเห็นว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนีหรือไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน
การที่ศาลจังหวัดราชบุรีอนุญาตให้ประกันตัว โดยไม่กำหนดเงื่อนไข หมายความว่า ศาลพิจารณาแล้วว่าจำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน และมีทนายดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเหตุให้เชื่อว่าจะหลบหนี
ดังนั้น การให้ประกันตัวจึงถือเป็น “สิทธิ์ตามกฎหมาย” มากกว่าจะเป็น “อภิสิทธิ์ทางการเมือง” อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด
🌳 เสียงจากคนในพื้นที่ราชบุรี
หลังคำพิพากษา มีรายงานว่าชาวบ้านบางส่วนในพื้นที่ตำบลรางบัวออกมาให้ความเห็นกับสื่อว่า พื้นที่ที่เกิดคดีนั้นเดิมเคยเป็นพื้นที่ป่า แต่ภายหลังมีการปรับสภาพจนกลายเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่ขนาดใหญ่ ซึ่งเคยสร้างรายได้และจ้างงานให้กับคนในพื้นที่ไม่น้อย
บางคนจึงมองว่าคดีนี้มีทั้ง “มุมเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม” และ “มุมเศรษฐกิจท้องถิ่น” ที่ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน
🔔 สรุป: คดีนี้ยังไม่จบ ต้องติดตามต่อในชั้นอุทธรณ์
แม้ตอนนี้ “ปารีณา” จะยังไม่ต้องเข้าเรือนจำ แต่คดีนี้ยังอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย และต้องติดตามกันต่อว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำวินิจฉัยอย่างไร
หลายคนมองว่าคดีนี้จะเป็นอีกหนึ่ง “บรรทัดฐาน” สำคัญของสังคมไทยว่า การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ไม่ว่าจะเป็นใคร มีฐานะหรืออำนาจแค่ไหน ก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม
🕊️ สรุปสั้น ๆ:
ศาลจังหวัดราชบุรีพิพากษา “จำคุก 4 ปี 1 เดือน” ปารีณา คดีรุกป่าราชบุรี
ปรับ 60,000 บาท ไม่รอลงอาญา
ยื่นประกันตัวเงินสด 1 ล้านบาท ศาลอนุญาตปล่อยชั่วคราว
คดีนี้ยังสามารถอุทธรณ์ได้ ต้องติดตามผลต่อในศาลชั้นสูง















