อินฟลูฯ คนดังงานเข้า! ถูกยึดสิงโตหลังหลุดกรงทำร้ายเด็ก เจอโทษหนัก-ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูตลอดชีวิต
รมว.สุชาติ สั่งยึด “สิงโตหลุดกรงขย้ำเด็ก 11 ขวบ” ดำเนินคดีเด็ดขาด เจ้าของถูกแจ้งข้อหา — สังคมเรียกร้องบทเรียนหนัก กฎหมายเอาผิดชัด โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท พร้อมเรียกเก็บค่าเลี้ยงดูตลอดชีวิต
เหตุการณ์สุดสะเทือนใจที่เกิดขึ้นในจังหวัดกาญจนบุรี ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศ เมื่อสิงโตที่ถูกเลี้ยงไว้ภายในบ้านของอินฟลูเอนเซอร์คนดัง เกิดหลุดออกจากกรงและเข้าทำร้ายเด็กชายวัยเพียง 11 ปี รวมถึงชายวัย 43 ปี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เพียงสร้างความตกใจให้กับคนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังจุดกระแสถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคมเกี่ยวกับ “ความเหมาะสมในการเลี้ยงสัตว์ป่าคุ้มครอง” ภายในที่พักอาศัย
ล่าสุด (5 ตุลาคม 2568) นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้ออกคำสั่งด่วนให้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการ ยึดสิงโตตัวดังกล่าว และดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับเจ้าของ เพื่อให้เป็น “บทเรียนสำคัญแก่สังคม”
ลำดับเหตุการณ์: สิงโตหลุดขย้ำเด็กกลางค่ำคืน
เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากบริเวณบ้านของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็น อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่ชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์แปลก โดยเฉพาะสิงโต
เมื่อชาวบ้านเข้าไปตรวจสอบ พบภาพที่ไม่มีใครคาดคิด — สิงโตเพศผู้ขนาดใหญ่หลุดออกมาจากบริเวณกรงเลี้ยงและเข้าทำร้ายเด็กชายวัย 11 ปี ซึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ใกล้หน้าบ้าน รวมถึงชายวัย 43 ปี ที่พยายามเข้าไปช่วยเด็กจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
เด็กชายถูกสิงโตขย้ำเข้าที่แขนและลำตัว ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ส่วนชายวัย 43 ปีได้รับบาดแผลฉีกขาดที่ขาและใบหน้า ทีมกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เข้าควบคุมสถานการณ์นานกว่าชั่วโมงจึงสามารถจับสิงโตกลับเข้ากรงได้สำเร็จ
⚖️ รมว.สุชาติ สั่ง “ดำเนินคดีเด็ดขาด” — ห้ามละเว้นเด็ดขาด
หลังทราบเรื่อง นายสุชาติ ชมกลิ่น ได้สั่งการโดยตรงให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ เข้าดำเนินคดีอย่างจริงจังกับเจ้าของสิงโตรายนี้ โดยเน้นว่า “จะต้องไม่มีการละเว้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใด”
รมว.สุชาติ ระบุว่า
“เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์ครั้งใหญ่ การเลี้ยงสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่มีมาตรการที่ปลอดภัยเพียงพอถือเป็นเรื่องร้ายแรง ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีก”
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า กรมอุทยานฯ ต้องเร่ง ยึดสิงโตตัวดังกล่าว เพื่อไปดูแลในสถานที่ที่ปลอดภัย และดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่ให้มีการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ
🦁 โทษตามกฎหมายชัดเจน: จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท
ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเจ้าของสิงโตคือ นายปริญญา (ขอสงวนนามสกุล) มีความผิดตาม พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 15 ซึ่งระบุว่า
“ห้ามมิให้ผู้ใดปล่อยสัตว์ป่าคุ้มครองจากการดูแลของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต”
โดยมีบทลงโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้เจ้าของต้อง รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสิงโตตัวนี้ไปตลอดชีวิต ซึ่งจะถูกนำไปดูแลในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี
🏛️ ยึดสิงโต-ย้ายที่ดูแลไปยังบึงฉวาก
กรมอุทยานฯ ยืนยันว่าได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายสิงโตตัวดังกล่าวไปยัง สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบึงฉวาก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความพร้อมทั้งด้านความปลอดภัยและการดูแลสัตว์ป่าขนาดใหญ่
โดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเข้าทำการตรวจสุขภาพของสิงโตอย่างละเอียด รวมถึงปรับสภาพพฤติกรรมให้สามารถอยู่ร่วมกับสิงโตตัวอื่นได้ในอนาคต เพื่อป้องกันอันตรายและลดความเครียดของสัตว์
นายอรรถพลยังระบุว่า
“การเลี้ยงสัตว์ป่าคุ้มครอง เช่น สิงโต เสือ หรือสัตว์นักล่าชนิดอื่น ๆ เป็นสิ่งที่ต้องมีใบอนุญาตถูกต้อง และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด เพราะสัตว์เหล่านี้มีสัญชาตญาณการล่า แม้จะถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็ตาม”
⚠️ อินฟลูเอนเซอร์ดังเจอศึกใหญ่
เจ้าของสิงโตรายนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็น อินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ มีผู้ติดตามหลักแสน และเคยเผยแพร่คลิปวิดีโอการเลี้ยงสัตว์ป่าหลายชนิดในบ้าน ซึ่งมักถูกพูดถึงในแง่ความน่ารักและแปลกใหม่
แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้กลับกลายเป็น จุดเปลี่ยนสำคัญในภาพลักษณ์ เพราะจากความน่ารักของสัตว์ที่เคยสร้างยอดวิวมหาศาล กลับกลายเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า “ขาดความรับผิดชอบ” และ “ไม่ตระหนักถึงอันตรายของสัตว์ป่า”
ชาวเน็ตจำนวนมากแสดงความคิดเห็นว่า การเลี้ยงสัตว์นักล่าเช่นสิงโตในบ้านเป็น ความประมาทร้ายแรง แม้จะมีการล่ามโซ่หรือสร้างกรงกั้นไว้ แต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
🧩 มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
นักอนุรักษ์สัตว์ป่าระบุว่า สิงโตเป็นสัตว์ที่มี สัญชาตญาณการล่าและการป้องกันอาณาเขตสูงมาก การเลี้ยงในพื้นที่จำกัดหรือในบ้านเรือนถือเป็นการฝืนธรรมชาติของสัตว์ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมรุนแรงในบางช่วง
“แม้สิงโตจะคุ้นกับคน แต่ก็ไม่สามารถลบสัญชาตญาณนักล่าออกไปได้ การที่มันโจมตีเด็ก อาจเป็นเพราะตกใจ หรือมองว่าเด็กเป็นสิ่งเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ที่ต้องป้องกันตัวจากมัน”
ผู้เชี่ยวชาญยังย้ำว่า กฎหมายควบคุมสัตว์ป่าคุ้มครองในประเทศไทยมีความชัดเจน แต่ปัญหาคือการบังคับใช้ที่ยังขาดความเข้มงวดในบางพื้นที่ ทำให้มีผู้ลักลอบนำสัตว์ป่ามาเลี้ยงเพื่อสร้างคอนเทนต์หรือความโดดเด่นบนโซเชียล
🗣️ เสียงสะท้อนจากสังคม
หลังข่าวเผยแพร่ โลกออนไลน์ต่างพากันแสดงความคิดเห็นหลากหลาย บางส่วนรู้สึกเห็นใจเด็กผู้เคราะห์ร้ายและครอบครัว พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐเพิ่มมาตรการควบคุมการเลี้ยงสัตว์ป่าในบ้าน
คอมเมนต์หนึ่งระบุว่า
“คนที่เลี้ยงสัตว์แบบนี้ต้องรับผิดชอบมากกว่าคนทั่วไป เพราะความผิดพลาดเพียงนิดเดียวอาจหมายถึงชีวิตคน”
อีกคอมเมนต์หนึ่งกล่าวว่า
“อยากให้กรณีนี้เป็นตัวอย่างจริง ๆ ไม่ใช่ปล่อยให้เงียบเหมือนหลายกรณีที่ผ่านมา”
🧾 รมว.สุชาติ ย้ำ “ค่าเลี้ยงดูตลอดชีวิตต้องจ่าย”
หนึ่งในคำสั่งที่ได้รับความสนใจมากคือ การให้เจ้าของต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสิงโตไปตลอดชีวิตของมัน ซึ่งอาจกินเวลาหลายสิบปี
สิงโตมีอายุขัยเฉลี่ย 15-20 ปีในที่เลี้ยง หากคำนวณค่าอาหารและค่าดูแลรายเดือน อาจสูงถึงหลักล้านบาทตลอดชีวิตของสัตว์ ซึ่งเป็นภาระที่เจ้าของต้องรับผิดชอบโดยตรง
รมว.สุชาติกล่าวชัดว่า
“การครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ การเลี้ยงโดยไม่มีความพร้อมถือเป็นการละเมิดทั้งกฎหมายและศีลธรรม หากจะเลี้ยง ต้องพร้อมในทุกด้าน ไม่ใช่เพียงเพื่อโชว์ในโซเชียล”
🧠 บทเรียนครั้งใหญ่ของสังคม
เหตุการณ์ “สิงโตหลุดขย้ำเด็ก” กลายเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของ การควบคุมสัตว์ป่าคุ้มครองและสัตว์ดุร้ายในประเทศไทย ซึ่งแม้กฎหมายจะมีความเข้มงวด แต่ในทางปฏิบัติยังคงมีช่องว่างให้บางคนละเมิด
หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมได้เสนอให้มีการ ตรวจสอบบ้านหรือฟาร์มที่มีการเลี้ยงสัตว์ป่าคุ้มครองทั่วประเทศ เพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน พร้อมวางแนวทางการขออนุญาตและเงื่อนไขใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม เช่น
ต้องมีใบอนุญาตเฉพาะจากกรมอุทยานฯ
ต้องมีสถานที่กักแยกที่ได้มาตรฐาน
ต้องผ่านการประเมินความปลอดภัยโดยเจ้าหน้าที่
🔚 สรุป
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า “ความน่ารักของสัตว์ในโซเชียลอาจกลายเป็นอันตรายในชีวิตจริง” การเลี้ยงสัตว์ป่าคุ้มครองหรือสัตว์นักล่าภายในบ้านไม่เพียงผิดกฎหมาย แต่ยังเสี่ยงต่อชีวิตผู้อื่นอย่างใหญ่หลวง
คำสั่งของ รมว.สุชาติ ชมกลิ่น ในการยึดสิงโตและดำเนินคดีเจ้าของอย่างเด็ดขาด ถือเป็น ก้าวสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมและการคุ้มครองสัตว์ป่าในประเทศไทย
สังคมต่างจับตาดูว่าคดีนี้จะเป็น “บทเรียนจริง” ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต หรือจะเป็นเพียงอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถูกลืมไปพร้อมเสียงคำสัญญาในวันแรก
แต่สิ่งที่แน่นอนคือ เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ฝากคำเตือนที่ชัดเจนไว้กับคนทั้งประเทศว่า
“สัตว์ป่าคือสัตว์ป่า ไม่ใช่ของเล่น หรือคอนเทนต์ออนไลน์”
















