“ชำระดวง ล้างกรรม” ทำได้จริง?
เวลาคนไทยพูดกันว่า ดวงดี ดวงไม่ดี ในทางพุทธศาสนาจริง ๆ แล้ว ไม่ได้หมายถึงพลังลึกลับที่ใครมาควบคุมได้ แต่หมายถึง “วิบากกรรม” หรือผลของการกระทำ ทั้งดีและชั่วที่เราสั่งสมไว้ กรรมดีนำสิ่งดีมา กรรมชั่วก็ตามสนอง ไม่มีใครยกไปฝากไว้กับใครได้ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสชัดว่า “กรรมเป็นของตน”
ทีนี้พอชีวิตจริงเต็มไปด้วยปัญหา เศรษฐกิจตก คนเจ็บป่วย ตกงาน หรือเสียขวัญกำลังใจ หลายคนก็อยากหาทางลัด อยากได้ใครสักคนมา “ชำระดวง ล้างกรรม” ให้มันเบาสบายทันตา ซึ่งก็เปิดช่องให้เกิดธุรกิจสายมู ที่หยิบความศรัทธามาผสมกับการตลาดเต็มรูปแบบ
จากกรณีศึกษา ข่าวกิจกรรมสายมูที่กำลังเป็นประเด็นในสังคม ที่มีอาจารย์ผู้หนึ่งที่สามารถทั้งการพยากรณ์ดวงแก้กรรม ขายของมงคล ไปจนถึงการสร้าง "เทวาลัย" ขึ้นมาโดยภายในประดิษฐานองค์พระพิฆเนศ องค์ปู่นาคาฯ เพื่อให้ผู้คนที่เคารพนับถือได้เข้ามาสักการะ
บนเพจเฟซบุ๊กที่มีผู้ติดตามหลายล้าน เขาเชิญชวนให้ผู้ศรัทธาเข้าร่วมพิธีกรรมยิ่งใหญ่ประจำปี หรือสมัครเป็นสมาชิก VIP เดือนละ 299 บาท เพื่อให้ “ฝากดวง” ไว้ให้อาจารย์ดูแล ทั้งจัดพิธีในไทยและอินเดีย พร้อมส่งของมงคลถึงบ้าน
ภาพลูกศิษย์พนมมือรอรับชายสวมชุดสีฟ้าเดินลงจากรถหรูในโลกออนไลน์ ยิ่งทำให้ชื่อ “อาจารย์” ถูกพูดถึง และกลายเป็นไวรัลว่า นี่คือสะพานบุญจริงหรือสะพานธุรกิจ
ในมุมมองพุทธศาสนา สิ่งที่เรียกว่า “ล้างบาป” หรือ “ฝากดวง” ไม่ใช่หลักคำสอน บาปที่ทำแล้วก็ไม่หายด้วยพิธีใด ๆ วิธีเดียวที่จะทำให้เบาบางคือ สร้างกรรมดีใหม่ ๆ มากกว่าเดิม เช่น การทำบุญที่จริงใจ การช่วยเหลือผู้อื่น การรักษาศีล และการพัฒนาจิตด้วยการเจริญภาวนา
แต่ในทางสังคม เราจะเห็นว่าพิธีกรรมแบบนี้ตอบโจทย์ทางใจได้ไวกว่า คนรู้สึกว่ามีที่พึ่ง มีคนดูแลดวงแทน รู้สึกเหมือนซื้อ “ประกันชีวิตทางจิตวิญญาณ” เดือนละไม่กี่ร้อยบาท จึงไม่แปลกที่หลายคนเลือกเดินขึ้นสะพานนี้ แม้จะไม่รู้ว่าปลายทางมีบุญแท้หรือไม่
แลัวสะพานบุญที่แท้จริงอยู่ตรงไหน? ถ้าเอาตามหลักพุทธจริง ๆ สะพานบุญไม่ต้องหรูหรา ไม่ต้องมีผ้าแดงปูรอ แค่เริ่มจากใจที่อยากทำความดี เช่น ช่วยเหลือคนที่ลำบาก ทำงานสุจริต พูดจาไม่ทำร้ายใคร รักษาศีลห้าได้ครบก็ถือว่าเดินบนสะพานบุญแล้ว ไม่ต้องเสียค่าครูรายเดือน
ธุรกิจสายมูคือภาพสะท้อนความหวังของผู้คนที่กำลังหาที่พึ่งในยุควิกฤต ซึ่งไม่ผิดถ้าใครจะเชื่อ แต่ถ้าอยาก “ดวงดี” แบบยั่งยืน ทางพุทธสอนไว้ง่าย ๆ ว่า อยากได้ผลดี ก็ต้องทำเหตุให้ดี ไม่ใช่ฝากดวงไว้กับใคร เพราะกรรมเป็นของใครของมัน
เพราะสุดท้าย ต่อให้มีใครมาอ้างว่าเป็น “จักรพรรดิผู้ดูแลดวง” สะพานบุญจริง ๆ ก็ยังต้องสร้างด้วยสองมือและสองเท้าของเราเองอยู่ดี





















