เป็นทางการ! "อนุทิน ชาญวีรกูล" คว้าตําแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของไทย
อนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของไทย หลังมติสภาโหวตเกินกึ่งหนึ่ง
วันนี้ (5 กันยายน 2568) ถือเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย เมื่อการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ได้ข้อยุติอย่างเป็นทางการ โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีมติเลือก นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของประเทศ หลังจากการลงคะแนนเสียงที่กินเวลาหลายชั่วโมง
บรรยากาศการประชุมและการลงมติ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า เวลา 09.40 น. โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ซึ่งถือเป็นการประชุมนัดพิเศษ สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง (ชุดที่ 26 ครั้งที่ 20) ที่จัดขึ้นเพื่อพิจารณาและลงมติเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159
ในช่วงเช้า บรรยากาศค่อนข้างเข้มข้น เมื่อ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย ได้เสนอให้สภามีการเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระ โดยเลื่อนเรื่องด่วนที่ 8 คือ “การพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรี” ขึ้นมาเป็นวาระแรกก่อนเรื่องอื่น ๆ เพื่อให้การดำเนินการสำคัญที่สุดของประเทศเกิดความชัดเจนโดยเร็ว
แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเห็นต่างและพยายามยื้อไม่ให้เลื่อนวาระขึ้นมา แต่ที่ประชุมได้มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในเวลาประมาณ 11.32 น. ด้วยคะแนนเสียง 31 ต่อ 142 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 5 ให้เลื่อนวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณา
การเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เมื่อเข้าสู่การประชุมในช่วงสาย เวลาประมาณ 12.05 น. ได้มีการเสนอชื่อผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้ถูกเสนอชื่อ 2 รายคือ
1. นายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยการเสนอชื่อครั้งนี้ทำโดย นายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย พร้อมมีผู้รับรองตามกฎหมายครบถ้วน
2. นายชัยเกษม นิติสิริ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โดยการเสนอชื่อทำโดย นายสรวงศ์ เทียนทอง พร้อมมีผู้รับรองถูกต้องเช่นกัน
หลังจากนั้น ประธานสภาได้เปิดโอกาสให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อทั้งสองราย เพื่อให้สมาชิกทุกคนใช้สิทธิและเสียงอย่างเต็มที่
ปัญหาระหว่างการโหวตและการนับคะแนน
เมื่อเข้าสู่ช่วงสำคัญ คือการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในเวลา 15.00 น. ได้มีการใช้วิธี ขานชื่อทีละคน เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแสดงความชัดเจนในการโหวต โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและจับตามองจากสื่อมวลชน รวมถึงประชาชนทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 15.28 น. ได้เกิดเหตุระบบนับคะแนนขัดข้อง โดยระบบแสดงผลค้างในรอบที่ 2 ขณะอยู่ที่การนับคะแนนลำดับที่ 198 ทำให้กระบวนการต้องหยุดชะงักไปชั่วคราว สร้างความกังวลแก่หลายฝ่ายว่าจะส่งผลกระทบต่อความโปร่งใสของการลงมติหรือไม่
แต่หลังจากเจ้าหน้าที่แก้ไขระบบเรียบร้อย การโหวตก็เดินหน้าต่อไปจนสำเร็จ โดยไม่มีเหตุขัดข้องเพิ่มเติม
ผลการลงมติและชัยชนะของอนุทิน
ในที่สุด เวลา 15.52 น. ผลการลงคะแนนเสียงเป็นที่ชัดเจนว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับเสียงสนับสนุน เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด ทำให้สามารถก้าวขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ของประเทศไทย ได้สำเร็จ
ผลการโหวตครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างความชัดเจนต่อทิศทางการเมืองไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการต่อรองทางการเมืองระหว่างพรรคใหญ่หลายพรรค
จุดยืนของอนุทินและพรรคภูมิใจไทย
ก่อนการลงมติ นายอนุทินได้ลุกขึ้นกล่าวต่อที่ประชุม ย้ำจุดยืนสำคัญว่า พรรคภูมิใจไทยจะทำหน้าที่อยู่เป็นองค์ประชุมในทุกวาระ ทั้งวันนี้และในอนาคต เพื่อให้การประชุมสภาดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ตอบสนองเจตนารมณ์ของสมาชิกสภาทุกคนและประชาชน
คำมั่นสัญญาดังกล่าวสะท้อนถึงความตั้งใจของพรรคภูมิใจไทยที่จะทำงานในฐานะแกนหลักของรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมเดินหน้าผลักดันกฎหมายและนโยบายสำคัญให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน
บทบาทและความท้าทายของนายกรัฐมนตรีคนใหม่
การก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของนายอนุทิน ไม่ใช่เพียงแค่ชัยชนะทางการเมือง แต่ยังหมายถึงความรับผิดชอบมหาศาลที่จะต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน อาทิ
เศรษฐกิจและค่าครองชีพ : ประเทศกำลังเผชิญแรงกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อ ราคาสินค้าแพง และความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก
การเมืองและเสถียรภาพรัฐบาล : การรวมตัวของหลายพรรคการเมืองอาจสร้างความท้าทายในการบริหารจัดการความเห็นที่แตกต่างภายในรัฐบาลผสม
นโยบายด้านสาธารณสุขและสังคม : หลังจากโควิด-19 ประเทศยังต้องฟื้นฟูทั้งระบบสาธารณสุข การศึกษา และความเป็นอยู่ของประชาชน
การต่างประเทศ : บทบาทของไทยในประชาคมอาเซียนและเวทีโลกยังเป็นอีกโจทย์สำคัญที่นายอนุทินต้องวางยุทธศาสตร์อย่างรอบคอบ
ปฏิกิริยาจากฝ่ายการเมืองและสังคม
หลังจากผลการลงมติออกมา เสียงสะท้อนจากหลายฝ่ายก็เริ่มปรากฏ บางส่วนเห็นว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลใหม่เดินหน้าแก้ไขปัญหาประเทศได้เสียที ขณะที่บางฝ่ายยังคงตั้งข้อกังวลว่าเสถียรภาพของรัฐบาลผสมจะอยู่ได้นานเพียงใด และนโยบายต่าง ๆ จะสามารถขับเคลื่อนได้จริงหรือไม่
ในโลกออนไลน์ กระแสการพูดถึงชื่อของ นายอนุทิน และคำว่า “นายกฯ คนที่ 32” ติดเทรนด์ในหลายแพลตฟอร์ม สะท้อนถึงความสนใจของประชาชนต่อเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้
สรุป
การที่สภามีมติเลือก นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย แม้เส้นทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความท้าทายทั้งในและนอกประเทศ แต่ก็เป็นโอกาสที่รัฐบาลใหม่จะพิสูจน์ศักยภาพในการบริหารและนำพาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า
ประชาชนทั้งประเทศต่างจับตามองการทำงานของนายกรัฐมนตรีคนใหม่และคณะรัฐมนตรี ที่จะถูกแต่งตั้งในลำดับถัดไป ว่าจะสามารถผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหา และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้มากน้อยเพียงใด






















