ฮือฮา! ทหาร-ตร. ปัสสาวะริมรั้วพระราชวังกัมพูชา โซเชียลถล่มยับ
ภาพสุดช็อกกลางโซเชียล! คนในเครื่องแบบยืนปัสสาวะริมกำแพงพระราชวังหลวงกัมพูชา – กองขยะเกลื่อน ทำโซเชียลไทยวิจารณ์สนั่น
ในโลกออนไลน์ของไทยกำลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง Army Military Force เผยแพร่ภาพที่สร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนเป็นจำนวนมาก โดยภาพดังกล่าวถูกอ้างว่าเป็นบรรยากาศหน้าพระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล หรือที่คนไทยคุ้นเคยในชื่อ “พระราชวังหลวงกัมพูชา” ใจกลางกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา
สิ่งที่ทำให้ภาพเหล่านี้กลายเป็นประเด็นร้อน ไม่ได้มีเพียงกองขยะที่กองเกลื่อนกลาดอยู่ริมกำแพงวังเท่านั้น แต่ยังปรากฏให้เห็นชายสวมเครื่องแบบข้าราชการ ซึ่งดูคล้ายจะเป็นทหารหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำวัง กำลังยืนหันหลังเข้ากำแพงในท่าทางที่ชาวเน็ตตีความว่า “กำลังปัสสาวะ” อยู่ต่อหน้าสาธารณชน
โซเชียลไทยถล่มวิจารณ์: ไม่เหมาะสมและรับไม่ได้
หลังจากภาพถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตไทยต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม ส่วนใหญ่แสดงความตกใจและตั้งคำถามว่า การกระทำเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในสถานที่สำคัญระดับพระราชวังหลวง ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของชาติ
หลายความคิดเห็นชี้ว่า การทิ้งขยะเกลื่อนกลาดรอบกำแพงวัง รวมถึงการยืนปัสสาวะในพื้นที่สาธารณะ ไม่เพียงเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่ยังสะท้อนถึงการขาดการจัดการดูแลที่ดีจากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ
หนึ่งในเสียงวิจารณ์ที่ถูกแชร์อย่างกว้างขวางคือคำถามว่า “พระราชวังซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ปล่อยให้เกิดภาพลักษณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?”
ประสบการณ์นักท่องเที่ยวไทย: สิ่งที่เห็นเมื่อ 10 ปีก่อน
นอกจากเสียงวิจารณ์ในเชิงไม่พอใจ ยังมีชาวเน็ตบางส่วนออกมาเล่าประสบการณ์ตรงจากการเดินทางไปยังกัมพูชาเมื่อสิบกว่าปีก่อน เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาด้านความสะอาดและการจัดการพื้นที่สาธารณะในประเทศเพื่อนบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่
ชาวเน็ตคนหนึ่งเล่าว่า ตนเคยเดินทางจากด่านปอยเปตไปยังเมืองเสียมเรียบ และต่อไปยังกรุงพนมเปญ ภาพที่พบเห็นตลอดเส้นทางคือ “กองขยะตามตลาด ร้านอาหาร และริมถนน” แทบทุกแห่งไม่มีมาตรฐานด้านความสะอาดเท่าที่ควร อีกทั้งผู้คนก็มักใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายโดยไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากนัก
นักท่องเที่ยวรายเดียวกันยังเสริมว่า ตนเคยพักที่วัดในพนมเปญ และพบว่าพระภิกษุไม่ได้บิณฑบาตเป็นอาหารเหมือนในไทย แต่จะได้รับเป็นเงินแทน พระจึงต้องนำเงินนั้นไปซื้อข้าวของและหุงหาอาหารเอง ประสบการณ์นี้ทำให้เจ้าของเรื่องสะท้อนว่า ประเทศกัมพูชาในเวลานั้นยังคงมีความแตกต่างด้านวิถีชีวิตและมาตรฐานสาธารณสุขเมื่อเทียบกับไทยอย่างชัดเจน
พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล: สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและการเมืองกัมพูชา
เพื่อให้เข้าใจภาพเหตุการณ์นี้มากขึ้น จำเป็นต้องย้อนมาทำความรู้จักกับพระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “พระราชวังหลวงกัมพูชา”
พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2408 ในรัชสมัย สมเด็จพระนโรดมบรมรามเทวาวตาร กษัตริย์แห่งราชวงศ์กัมพูชา โดยการก่อสร้างตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำจตุมุข ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำสายสำคัญ 4 สายมาบรรจบกัน ได้แก่
แม่น้ำทะเลสาบ (โตนเลสาบ)
แม่น้ำจราบเมียม
แม่น้ำบาสัก
และแม่น้ำโขงตอนบน
ทั้งหมดรวมตัวกันกลายเป็นแม่น้ำโขงตอนล่าง ซึ่งไหลลงสู่ทะเลเวียดนาม
พระบรมราชวังแห่งนี้ถือเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม การเมือง และการท่องเที่ยว เพราะใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์กัมพูชา และยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการชมสถาปัตยกรรมแบบขอมผสมผสานฝรั่งเศสอันงดงาม
ดังนั้นการที่พื้นที่โดยรอบพระราชวังถูกถ่ายภาพเผยแพร่ในลักษณะไม่เหมาะสม ย่อมกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศโดยตรง
ปัญหาขยะและสุขอนามัยในกัมพูชา: เรื่องที่สะสมมานาน
กรณีที่เกิดขึ้นไม่เพียงสะท้อนถึงการกระทำของบุคคลในเครื่องแบบ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาใหญ่ระดับประเทศ นั่นคือ “การจัดการขยะและสุขอนามัยในพื้นที่สาธารณะ” ของกัมพูชา
แม้ว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กัมพูชาจะพยายามพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมืองพนมเปญและเสียมเรียบ แต่ปัญหาขยะตามท้องถนน ตลาด และพื้นที่สำคัญทางวัฒนธรรมยังคงเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก
องค์กรสิ่งแวดล้อมหลายแห่งเคยรายงานว่า กัมพูชามีการผลิตขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะจากการขยายตัวของเมืองและการท่องเที่ยว แต่ระบบการเก็บขยะและรีไซเคิลยังไม่เพียงพอ นำไปสู่ภาพที่เห็นขยะกองพะเนินอยู่ตามมุมถนนและสถานที่สำคัญต่าง ๆ
การยืนปัสสาวะในที่สาธารณะ: วัฒนธรรมหรือปัญหาสังคม?
อีกหนึ่งประเด็นที่สร้างความตกใจคือภาพชายในเครื่องแบบยืนปัสสาวะข้างกำแพงวัง คำถามที่หลายคนสงสัยคือ เหตุใดเจ้าหน้าที่รัฐจึงกล้าทำพฤติกรรมดังกล่าวในพื้นที่สำคัญเช่นนี้
นักวิชาการด้านสังคมบางส่วนเคยวิเคราะห์ว่า การปัสสาวะในที่สาธารณะในกัมพูชาและบางประเทศเพื่อนบ้าน มักถูกมองเป็นเรื่องปกติในสังคมท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ขาดแคลนห้องน้ำสาธารณะ แต่เมื่อภาพเหล่านี้ถูกนำมาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ก็กลายเป็นเรื่องที่ถูกตีความว่า “ไม่เหมาะสม” และสร้างภาพลักษณ์ในทางลบต่อประเทศ
ดังนั้นพฤติกรรมดังกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องปัจเจก แต่ยังสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางโครงสร้างพื้นฐาน และการขาดระบบสาธารณูปโภคที่ได้มาตรฐาน
กระแสในไทย: สะท้อนมุมมองต่อประเทศเพื่อนบ้าน
เมื่อประเด็นนี้ถูกเผยแพร่ในไทย จึงไม่แปลกที่ชาวโซเชียลจำนวนมากจะหยิบมาเปรียบเทียบกับมาตรฐานในประเทศไทย หลายคนมองว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนความแตกต่างด้านการจัดการเมือง การท่องเที่ยว และการดูแลสถานที่สำคัญ
บางความคิดเห็นถึงขั้นแสดงออกอย่างเสียดสีหรือดูถูกเพื่อนบ้าน แต่ก็มีอีกหลายเสียงที่พยายามมองในเชิงสร้างสรรค์ โดยเสนอว่า ประเทศไทยควรใช้เหตุการณ์นี้เป็น “บทเรียน” เพื่อไม่ให้สถานที่สำคัญของชาติถูกมองในแง่ลบแบบเดียวกัน
บทสรุป: ภาพหนึ่งภาพ สะท้อนปัญหาหลายมิติ
ภาพชายในเครื่องแบบยืนปัสสาวะริมกำแพงพระราชวังหลวงกัมพูชา พร้อมกองขยะที่กองอยู่รอบ ๆ อาจดูเหมือนเป็นเหตุการณ์เล็ก ๆ แต่เมื่อถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียกลับกลายเป็น “กระจกสะท้อนสังคม” ที่ทำให้เห็นถึงปัญหาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
การจัดการขยะและสุขอนามัย
ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ
มาตรฐานสาธารณูปโภค
รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศต่อสายตานานาชาติ
ในขณะเดียวกัน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตไทยก็แสดงให้เห็นถึงการรับรู้และมุมมองต่อประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจกลายเป็นประเด็นละเอียดอ่อนทางสังคมและการเมืองได้เช่นกัน
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเป็นข่าวดราม่าบนโซเชียล แต่ยังเป็นการเตือนให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า การดูแลรักษาความสะอาดและความเหมาะสมของสถานที่สำคัญ ไม่ว่าจะในไทย กัมพูชา หรือที่ใดก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งที่สะท้อนภาพลักษณ์ของชาติ และเป็นหน้าตาของคนทั้งประเทศต่อสายตาชาวโลก






















