พร้อมพงศ์ เปิด 4 ดีลลับ พรรค ปชช. ยกเสียงโหวตให้ภูมิใจไทย
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ วิจารณ์พรรคประชาชน หลังสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568 กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ พรรคประชาชน มีมติโหวตสนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตจาก พรรคภูมิใจไทย ให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่เข้าร่วมรัฐบาล
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจอย่างมาก เพราะ พรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่กลับร่วมมือกันทางการเมืองอย่างฉับพลัน จนเกิดคำถามและความสงสัยต่อสาธารณชนอย่างกว้างขวาง
ความรู้สึกของประชาชนต่อการตัดสินใจของพรรคประชาชน
อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า หลังจากตรวจสอบความคิดเห็นจากสื่อและโลกออนไลน์พบว่า ประชาชนจำนวนมากรู้สึกเศร้าใจและผิดหวัง กับการตัดสินใจครั้งนี้ของพรรคประชาชน เพราะเป็นการผูกขาดอำนาจและเปลี่ยนท่าทีจากจุดยืนเดิมอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังเกิดกระแสข่าวความเคลือบแคลงสงสัยตามมา โดยประชาชนตั้งข้อสังเกตว่า ทั้งสองฝ่ายอาจมี ดีลลับหรือข้อตกลงพิเศษ ที่มากกว่าข้อสรุปที่ปรากฏตามข่าว
ประเด็นคำถามและข้อสงสัยที่นายพร้อมพงศ์ยกขึ้น
นายพร้อมพงศ์ได้ตั้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ดังนี้:
1. เรื่อง ส.ส. 44 คนจากพรรคก้าวไกล – มีข่าวว่ากลุ่ม ส.ส. นี้เคยมีส่วนร่วมในการแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และประชาชนสงสัยว่ามีการเจรจาอะไรเป็นพิเศษหรือไม่
2. ข้อเสนอเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีคนนอก – มีข่าวว่า พรรคประชาชนอาจได้รับการเสนอให้ได้ 8 ตำแหน่งรัฐมนตรีคนนอก แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจน
3. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ – มีข้อสันนิษฐานว่าพรรคประชาชนต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่เว้นหมวด 1-2 และอาจรวมถึงการแก้ไขมาตรา 112 ด้วย
4. คดีความของ ส.ส. พรรคประชาชน – ประชาชนตั้งคำถามว่า การมีดีลลับระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยเกี่ยวข้องกับคดีความที่ ส.ส. พรรคประชาชนมีอยู่หรือไม่
นายพร้อมพงศ์กล่าวเพิ่มเติมว่า หัวหน้าพรรคประชาชนต้องตอบคำถามเหล่านี้ เพื่อสร้างความโปร่งใสและคลายข้อสงสัยของประชาชน
การวิจารณ์พรรคภูมิใจไทย
อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทยยังตั้งคำถามต่อ พรรคภูมิใจไทย ว่า การไปขอเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชน พร้อมยอมรับทุกเงื่อนไข ถือเป็นการละเมิดหลักการทางการเมืองหรือไม่
พรรคภูมิใจไทยเคยประกาศว่า จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล
สมาชิกพรรคภูมิใจไทยเคย ไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคภูมิใจไทยเคยยื่นเรื่องให้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคก้าวไกล จากการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
นายพร้อมพงศ์ตั้งคำถามว่า หากพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยมี ดีลลับนอกเงื่อนไขที่หัวหน้าพรรคประชาชนประกาศ เรื่อง MOU การยอมรับข้อตกลงต่าง ๆ และการตั้งสสร.แก้รัฐธรรมนูญ เพียงเพื่อให้นายกฯ อยู่ในอำนาจ 4 เดือน ก่อนยุบสภา จะมีเงื่อนไขอื่นแอบแฝงหรือไม่
การเปลี่ยนท่าทีของพรรคภูมิใจไทย
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ในอดีต พรรคภูมิใจไทยเคยมองพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามทางอุดมการณ์ โดยเป็น คนละแนวคิดทางการเมือง ระหว่างอนุรักษ์นิยมและเสรีประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม วันนี้กลับปรากฏว่าพรรคภูมิใจไทย ยอมทุกเงื่อนไขเพื่อให้พรรคประชาชนสนับสนุนการโหวต ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างชัดเจนจากอดีต และสร้างความผิดหวังให้กับผู้สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย
ผลกระทบทางการเมือง
นายพร้อมพงศ์เตือนว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของพรรคประชาชน อาจกลายเป็นตราบาปติดตัวพรรค และสร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชน
ผู้สนับสนุนและประชาชนจำนวนมาก รู้สึกเศร้าใจและผิดหวัง
การร่วมมือทางการเมืองแบบยอมทุกเงื่อนไขอาจนำไปสู่ กระแสความไม่ไว้วางใจในอนาคต
พรรคประชาชนต้อง เตรียมรับผลกระทบทางการเมืองที่ตามมา
สรุป
กรณีที่พรรคประชาชนสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สร้าง กระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งจากฝ่ายการเมืองและประชาชนทั่วไป
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ชี้ชัดว่า การร่วมมือระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ขัดแย้งกับอุดมการณ์เดิมของทั้งสองฝ่าย และอาจเกี่ยวข้องกับ ดีลลับหรือเงื่อนไขพิเศษ ที่ประชาชนควรรู้
จนถึงขณะนี้ ประเด็นคำถามที่นายพร้อมพงศ์ยกขึ้น ยังคงเป็นที่สนใจของสาธารณชนและสื่อมวลชน ซึ่งต้องรอการชี้แจงจากทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เหตุการณ์นี้ชัดเจน
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยที่สะท้อนถึง ความซับซ้อนของการเมืองพรรคและผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน





















