ด่วน! หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ถูกจับข้อหาทุจริตยักยอกเงินบริจาค
จับกุม “หลวงพ่ออลงกต” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ คดีทุจริตเงินบริจาค – การดำเนินคดีและสิทธิของผู้ต้องหา
เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ต.เอกรัฐ จันทร์มณี ตำแหน่ง สว.กก.1 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับกุมตัว พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือ หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ตามหมายจับของศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เลขที่ จ81/2568 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2568
การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นที่ มูลนิธิใจฟ้า ตำบลเขาสามยอด อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี หลังจากเจ้าหน้าที่มีหลักฐานและเหตุอันสมควรเชื่อว่า พระราชวิสุทธิประชานาถ อลงกต พูลมุข มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ ทุจริตยักยอกเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งมีการเบียดบังทรัพย์สินของวัดเพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรืออนุญาตให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริต
ข้อกล่าวหาและฐานความผิด
เจ้าหน้าที่ระบุว่า การกระทำของหลวงพ่ออลงกตเข้าข่ายหลายข้อหา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานและการทุจริตทางการเงิน โดยรายละเอียดข้อกล่าวหาหลักมีดังนี้
1. ฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์สินใด ๆ ของหน่วยงานหรือสถาบัน แต่กลับปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
2. ฐานทุจริตยักยอกเงินบริจาค
มีหลักฐานเชื่อได้ว่าพระราชวิสุทธิประชานาถ อลงกต เบียดบังเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ หรืออนุญาตให้ผู้อื่นเอาเงินไปโดยทุจริต
3. ฐานฟอกเงินและสมรู้ร่วมคิด
มีการตกลงกันระหว่างสองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของวัด
4. ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
กระทำการโดยมิชอบ เพื่อประโยชน์ส่วนตัวและสร้างความเสียหายต่อวัด
โดยทั้งหมดนี้เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญาและกฎหมายเกี่ยวกับการทุจริตเจ้าพนักงาน
ขั้นตอนการจับกุมและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเมื่อเข้าจับกุมตัวหลวงพ่ออลงกต
1. แจ้งเหตุผลและหมายจับที่ใช้ในการจับกุม
2. จับกุมที่มูลนิธิใจฟ้าในจังหวัดลพบุรีอย่างสงบและมีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อป้องกันเหตุวุ่นวาย
3. แจ้ง สิทธิของผู้ต้องหา อย่างครบถ้วน ได้แก่
สิทธิในการพบและปรึกษาผู้ซึ่งจะเป็นทนายความส่วนตัว
สิทธิในการให้ทนายความหรือผู้ที่ตนไว้วางใจเข้าร่วมฟังการสอบปากคำ
สิทธิในการได้รับการเยี่ยมหรือการติดต่อกับญาติหรือผู้ที่ตนไว้วางใจ
สิทธิในการได้รับการรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็วหากเกิดเจ็บป่วย
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวหลวงพ่อไปยังสถานที่สอบสวน และตรวจสอบร่างกายเบื้องต้น ซึ่งพบว่าผู้ต้องหามีร่างกายปกติ
ความสำคัญของคดีนี้ต่อสังคม
คดีของหลวงพ่ออลงกตได้รับความสนใจจากสังคมอย่างมาก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับ วัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้านการดูแลผู้ป่วยและเด็กกำพร้า รวมถึงการจัดกิจกรรมสาธารณะเพื่อช่วยเหลือสังคม
การทุจริตเงินบริจาคของวัด เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสร้างความเสียหายต่อความเชื่อถือของประชาชนต่อวัดและพระสงฆ์ อีกทั้งยังส่งผลต่อการบริจาคในอนาคตของประชาชนทั่วไป
ปฏิกิริยาจากสังคมและสื่อ
หลังการจับกุม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากในโลกออนไลน์และสื่อมวลชน โดยสามารถแบ่งมุมมองออกได้เป็นหลายกลุ่ม
กลุ่มตำหนิพฤติกรรม
มองว่าการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพระสงฆ์และวัด โดยเฉพาะวัดที่เกี่ยวข้องกับสังคมและผู้ด้อยโอกาส
เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างเหมาะสม
กลุ่มให้กำลังใจและรอข้อเท็จจริง
ชี้ว่าการจับกุมยังไม่ใช่การพิสูจน์ความผิด และต้องรอผลการสอบสวนและพิจารณาคดีอย่างรอบคอบ
แนะนำให้ประชาชนตั้งใจติดตามข่าวสารอย่างมีสติ และไม่สรุปข้อเท็จจริงจนกว่าจะมีคำพิพากษา
ขั้นตอนต่อไปหลังการจับกุม
หลังจากการจับกุมตัวหลวงพ่ออลงกต เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป ดังนี้
1. สอบสวนเพิ่มเติม
สอบปากคำผู้ต้องหาเกี่ยวกับรายละเอียดการทุจริตเงินบริจาค และเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
2. รวบรวมพยานหลักฐาน
เอกสารบัญชีเงินบริจาคของวัด
พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่วัดและผู้บริจาค
หลักฐานการโอนเงินหรือการใช้จ่ายเงินบริจาค
3. ส่งฟ้องศาล
หลังสอบสวนเสร็จสิ้น จะมีการส่งสำนวนคดีต่ออัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
การแจ้งสิทธิผู้ต้องหาเป็นเรื่องสำคัญ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เน้นย้ำว่าการแจ้งสิทธิผู้ต้องหาเป็นสิ่งจำเป็นตามกฎหมาย ทั้งในแง่สิทธิในการปรึกษาทนาย สิทธิในการติดต่อญาติ และสิทธิในการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นหลักประกันว่าผู้ต้องหาได้รับความเป็นธรรมระหว่างการดำเนินคดี
บทสรุป
การจับกุม หลวงพ่ออลงกต ครั้งนี้ ถือเป็นคดีที่สร้างความสนใจและมีผลกระทบต่อสังคมอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเงินบริจาคของวัดซึ่งเป็นทรัพย์สินสาธารณะ และความเชื่อถือของประชาชนต่อพระสงฆ์
คดีนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ไม่ว่าใครจะเป็นบุคคลสำคัญหรือมีชื่อเสียง การกระทำที่ละเมิดกฎหมาย ย่อมถูกตรวจสอบและดำเนินคดีอย่างเท่าเทียม โดยประชาชนสามารถติดตามความคืบหน้าของคดีต่อไป และเจ้าหน้าที่ก็มีหน้าที่รักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด
ในอนาคตคดีนี้จะกลายเป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับ ความโปร่งใสทางการเงินของวัดและสถาบันศาสนา และเป็นบทเรียนสำคัญให้ประชาชนและพระสงฆ์ตระหนักถึงความสำคัญของความซื่อสัตย์ต่อการบริหารทรัพย์สินสาธารณะ




