จุดไฟเดือดโซเชียล!ศบทก.จ่อเอาผิดอดีตทหารพรานชกทหารกัมพูชา - หวั่นบานปลายกระทบสัมพันธ์ประเทศ
"ไม่เอาไว้!" ศบทก.จ่อเอาผิดอดีตทหารพรานชกทหารกัมพูชา - หวั่นบานปลายกระทบสัมพันธ์ประเทศ / พร้อมยื่นประท้วง UNESCO ปม "วัดภูม่านฟ้า" เหมือน "นครวัด" จุดไฟเดือดโซเชียล
บรรยากาศความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา กลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังเกิดเหตุการณ์ “อดีตทหารพรานไทย” รายหนึ่ง ปรี่เข้าไปชกหน้าทหารกัมพูชาที่ประจำจุดชายแดนฝั่งตรงข้าม จนกลายเป็นภาพไวรัลสะเทือนโซเชียล และเรียกเสียงเชียร์จากชาวเน็ตไทยจำนวนไม่น้อย
แต่ล่าสุด สำนักงานเลขานุการคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (ศบทก.) ออกมายืนยันว่าจะดำเนินการ “เอาผิด” กับอดีตทหารพรานรายดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า การกระทำนี้อาจสร้างความเข้าใจผิดรุนแรง และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมย้ำว่าไทยยังยึดแนวนโยบายสันติวิธีในการจัดการข้อพิพาทชายแดน
ยื่นหนังสือประท้วง UNESCO ปม “วัดภูม่านฟ้า”
อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลไทย โดยกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมยื่นหนังสือประท้วงไปยัง UNESCO ภายหลังมีรายงานว่า ทางการกัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน “วัดภูม่านฟ้า” เป็นมรดกโลก โดยใช้คำบรรยายว่าเป็น “วัดโบราณที่มีโครงสร้างและความสำคัญไม่ต่างจากนครวัด” ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งในแวดวงวิชาการและประชาชนไทย
หลายฝ่ายเห็นว่า การกล่าวอ้างในลักษณะเช่นนี้ มีนัยแอบแฝงทางประวัติศาสตร์ และอาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการผูกโยงพื้นที่และวัฒนธรรมบริเวณชายแดนให้ตกเป็นของกัมพูชาในทางอ้อม
โซเชียลเดือด - วิจารณ์แรง
กระแสโซเชียลลุกเป็นไฟทันทีหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น ชาวเน็ตจำนวนมากแสดงความไม่พอใจต่อท่าทีของหน่วยงานความมั่นคง โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่พากันตั้งคำถามว่า
“ยังจะกลัวสัมพันธ์อีกหรอ?”
“เก่งแต่กับคนในชาติ ทหารกัมพูชามาเหยียบจมูกถึงชายแดนไม่ทำอะไรเลย”
แม้หลายคนจะมองว่าการใช้กำลังไม่ใช่คำตอบ แต่กระแสสังคมกลับสะท้อนความอัดอั้นที่สะสมมานานจากความขัดแย้งชายแดนหลายกรณีในอดีต รวมถึงความรู้สึกว่ารัฐไทยยอมอ่อนข้อให้กัมพูชาเกินความจำเป็น
ในขณะเดียวกัน โพสต์ประชดอย่าง "อย่าลืมพานดอกไม้ไปขอขมาพวกทาสเขมรด้วยครับท่าน..." ก็สะท้อนความไม่พอใจจากประชาชนที่เห็นว่าผู้บังคับบัญชาบางคนอาจให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ทางการทูตมากกว่าศักดิ์ศรีของชาติ
ความสัมพันธ์ที่เปราะบาง
การจัดการกับประเด็นนี้จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายการทูตต้องเดินบนเส้นด้ายบางๆ ระหว่างการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กับการไม่ปล่อยให้ศักดิ์ศรีชาติถูกย่ำยี
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากปล่อยให้สถานการณ์บานปลาย หรือมีเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันเกิดซ้ำ อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระดับรัฐในอนาคตได้ แม้เพียงการกระทำเล็กๆ ก็อาจเป็นเชื้อไฟจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างประชาชนของสองประเทศ
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเปราะบางของความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยังคงเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์บาดแผล ความไม่ไว้ใจ และการตีความวัฒนธรรมที่แตกต่าง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน อาจต้องแลกด้วยทั้งเกียรติภูมิและความสงบในภูมิภาคในระยะยาว
> "ศักดิ์ศรีของชาติ ไม่อาจอยู่ภายใต้ความเงียบของรัฐ"





