📲 แอปหนี้พุ่ง? กยศ.Connect กับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ
“อยู่ดี ๆ หนี้ก็เพิ่ม ทั้งที่เราก็จ่ายตามปกติ มันเกิดอะไรขึ้น?”
ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลายคนที่ใช้แอปพลิเคชัน กยศ. Connect ต้องสะดุ้งกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เพราะยอดหนี้ที่ควรจะลด กลับ “เพิ่มขึ้น” อย่างไม่สมเหตุสมผล
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือ... ความตกใจ
ถัดมาคือ... ความสับสน
และท้ายที่สุดคือ... ความไม่มั่นใจในระบบที่ควรไว้ใจได้มากที่สุด
คำถามคือ ใครควรรับผิดชอบต่อความสับสนนี้?
และเราควรเชื่อมั่นในระบบนี้ต่อไปได้แค่ไหน?
อะไรเกิดขึ้นกับระบบ กยศ.?
กยศ. ออกมาชี้แจงว่า… ที่ยอดหนี้ของบางคนดูเหมือนจะ “เพิ่มขึ้น” ทั้งที่ชำระหนี้ตามปกตินั้น เป็นเพราะว่าเดิมทีระบบได้ตัดยอดเงินที่ชำระไปลด “เฉพาะเงินต้น” 100% โดยไม่หัก “ดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ” ตามลำดับที่กฎหมายกำหนดไว้
จนเมื่อกฎหมายใหม่มีผลใช้ (ตั้งแต่ มีนาคม 2566) ซึ่งกำหนดให้ต้องตัดหนี้ตามลำดับใหม่ คือ “ดอกเบี้ยก่อน เงินต้นทีหลัง”
ระบบ กยศ. เองกลับยังไม่สามารถทำตามลำดับใหม่ได้ทันที และยังคงใช้วิธีตัดเงินต้น 100% จนกระทั่งเพิ่งปรับระบบได้สำเร็จในกลางปี 2568
คำถามคือ...
- กว่าระบบจะสอดคล้องกับกฎหมายใหม่ ทำไมใช้เวลากว่า 1 ปี 3 เดือน?
- แล้วใครจะรับผิดชอบกับยอดหนี้ที่ “คลาดเคลื่อน” ตลอดช่วงเวลานั้น?
- แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าระบบตอนนี้ “ไม่พลาด” อีก?
“Recalculated” แบบไม่มีคำเตือน?
หนึ่งในสิ่งที่ผู้กู้พบ คือ แอปพลิเคชันมีการ “คำนวณหนี้ย้อนหลัง” (หรือที่กยศ. ใช้คำว่า recalculated) โดยปรับลำดับการตัดหนี้ย้อนหลังไปถึง “วันที่เริ่มชำระหนี้”
ฟังเผิน ๆ อาจดูเหมือนเป็นความพยายามทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย...
แต่ในทางปฏิบัติ ผู้กู้หลายคนกลับ ไม่เคยได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า
ไม่มีข้อมูลประกอบว่าแต่ละเดือนตัดอะไรไปแล้วบ้าง
และไม่รู้เลยว่า “หนี้ตัวเองเพิ่มขึ้นเพราะอะไร”
แล้วแบบนี้ เรายังควรเรียกมันว่า “ความถูกต้องตามระบบ” หรือเปล่า?
ถ้าเป็นหนี้ธนาคาร... แบบนี้เขาเรียก “ผิดสัญญา”
ลองนึกภาพว่าเรากู้เงินกับธนาคาร แล้ววันหนึ่งธนาคารบอกว่า
"เราเพิ่งอัปเดตระบบใหม่ เลย recalculated ดอกเบี้ยย้อนหลัง ยอดหนี้คุณเลยเพิ่มขึ้น"
โดยที่คุณไม่มีสิทธิ์คัดค้าน ไม่มีหลักฐานให้ตรวจสอบย้อนหลัง
แบบนั้นเราคงไม่ยอมแน่ ๆ — แล้วทำไมพอเป็น กยศ. เราถึงต้องยอมรับสถานการณ์แบบนี้?
กยศ. เป็นหน่วยงานของรัฐ
กยศ. มีอำนาจ และกฎหมายรองรับ
แต่กยศ. ก็ควรมี “มาตรฐาน” ไม่ต่างจากธนาคารเช่นกัน… จริงไหม?
หนี้การศึกษา = หนี้แห่งความหวัง
เราทุกคนที่กู้ กยศ. รู้ว่า “นี่คือหนี้ที่ควรจ่ายคืน”
ไม่ใช่เพราะเรากลัวติดเครดิตบูโร
แต่เพราะเราอยากให้คนรุ่นหลังยังมีโอกาสได้กู้เหมือนเรา
แต่ระบบที่ “ไม่ชัดเจน ไม่โปร่งใส และไม่พร้อม” แบบนี้
กลับบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้กู้มากกว่าที่คิด
หนี้ที่พอกพูนโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้มาจากการไม่จ่าย แต่เพราะระบบเปลี่ยนกติกาย้อนหลัง — แบบนี้ยุติธรรมหรือยัง?
แล้วเราควรถามอะไรกลับไปที่ กยศ.?
นี่คือคำถามที่เราควรช่วยกันถาม…
ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเราเอง แต่เพื่อคนรุ่นหลังที่ยังต้องพึ่งระบบนี้ในอนาคต
- ทำไม กยศ. ไม่พัฒนาระบบให้ทันก่อนกฎหมายมีผล?
ทำไมปล่อยให้ระบบผิดลำดับการตัดหนี้นานกว่า 1 ปี? - ระบบแสดงยอดหนี้ “ชั่วคราว” มีการแจ้งเตือนผู้กู้หรือไม่?
มีการสื่อสารโปร่งใสในช่วงก่อนมีการ recalculated หรือไม่? - ผู้กู้สามารถตรวจสอบรายละเอียดการ recalculated ได้หรือไม่?
มีรายงานแสดงลำดับการตัดหนี้ย้อนหลังหรือเปล่า? - กยศ. มีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบหรือไม่?
สำหรับคนที่วางแผนผ่อนชำระไปแล้ว ยอดหนี้พุ่งขึ้นควรมีการชดเชย หรืออย่างน้อยเปิดช่องให้ทบทวนเป็นรายกรณี - จะมีการตรวจสอบระบบโดยหน่วยงานอิสระหรือไม่?
เพื่อให้มั่นใจว่าระบบปัจจุบันไม่เกิดข้อผิดพลาดซ้ำซ้อนอีกในอนาคต
เสียงของผู้กู้ไม่ใช่ “การโวยวาย”
แต่คือ “การเรียกร้องให้ระบบที่เราเชื่อใจ ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น”
กยศ. ไม่ได้ทำผิดด้วยเจตนา
แต่ความผิดพลาดเชิงระบบที่เกิดขึ้นในระดับนี้ ควรมีคำอธิบายที่มากกว่าแค่ “ขอให้มั่นใจ”
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง “ความมั่นใจ” ไม่ได้มาเพราะคำพูด
แต่มาจาก ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา
สุดท้ายแล้ว... ไม่ใช่แค่เรื่องของหนี้
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของยอดเงินในแอป
แต่คือภาพสะท้อนของระบบที่มีผลกระทบต่อชีวิตจริงของผู้คนหลายล้านคน
เราไม่ได้เรียกร้องให้หนี้หายไป
แต่เราขอแค่ “หนี้ที่ชัดเจน ถูกต้อง และตรวจสอบได้”
✍️หนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก
แต่ความน่าเชื่อถือของระบบที่ดูแลมัน คือเรื่องใหญ่กว่านั้น
และนั่นคือสิ่งที่ กยศ. ยังติดค้าง… มากกว่ายอดในแอป
เนื้อหาที่มาของข่าวจาก: เพจกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
ขอบพระคุณรูปภาพจาก : เว็บไซต์ข่าวและสื่อ"โหนกระแส"









