เปิดตัวเลขรายได้ "บ่อนปอยเปต"! ไม่แปลกใจ ทำไมปิดทีเดือดร้อนกันทั้งเมือง
"ปิดด่านวันเดียวสะเทือนทั้งประเทศ" วิเคราะห์ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา กับอิทธิพลมหาศาลของ "บ่อนปอยเปต" ที่ไม่ใช่แค่แหล่งพนัน
กรณีข้อพิพาทล่าสุดระหว่างไทยและกัมพูชา ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมออนไลน์และวงการข่าว โดยเฉพาะเมื่อ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กที่ชี้ให้เห็นภาพสะเทือนวงการว่า
“ปิดด่านวันเดียว บ่อนไร้คน เงินหาย 5 แสนล้าน ฮุน เซนเลยต้องอ่อน เพราะทำมาหาแดxอะไรไม่ได้นอกจากบ่อน” พร้อมติดแฮชแท็ก #ปิดด่านคือหยุดเกม
คำกล่าวที่สะท้อนความเชื่อมโยงอันลึกซึ้งระหว่างเศรษฐกิจกัมพูชากับธุรกิจคาสิโนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะ ปอยเปต ที่กลายเป็นศูนย์รวมธุรกิจบ่อนการพนันขนาดใหญ่ใกล้ประเทศไทย และมีความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างกับระบบเศรษฐกิจและการเมืองของทั้งสองประเทศอย่างแน่นแฟ้น
บ่อนปอยเปต: เศรษฐกิจหลักที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
บ่อนคาสิโนในเมือง ปอยเปต ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย ใกล้กับจังหวัดสระแก้ว เป็นที่รู้จักกันมานานว่าเป็นจุดศูนย์กลางของธุรกิจการพนันที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะการรองรับนักพนันจากไทย จีน และเวียดนาม
จากข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่า รายได้รวมที่ผู้เล่นสูญเสียในคาสิโนหรือที่เรียกว่า GGR (Gross Gaming Revenue) อยู่ที่ประมาณ 400-450 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือราว 15,000 ล้านบาท ที่ถูกนำส่งเป็นภาษีเข้ารัฐกัมพูชาโดยตรง
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียง "ยอดบนโต๊ะ" เท่านั้น เพราะข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงไทยรายงานว่ารายได้จริงจากคาสิโนทั้งหมดของกัมพูชา ซึ่งรวมทั้ง บ่อนเถื่อนและคาสิโนออนไลน์ อาจพุ่งสูงถึง 12,500 - 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี หรือคิดเป็นเงินไทยราว 456,000 - 693,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ “มหาศาล” จนยากจะเชื่อว่าเป็นเพียงธุรกิจบันเทิง
เบื้องหลังตัวเลขรายได้ที่สูงลิ่ว: ธุรกิจใต้ดินที่ขับเคลื่อนประเทศ
เหตุใดรายได้จากบ่อนจึงมากมายถึงเพียงนี้?
1. บ่อนเถื่อนและคาสิโนออนไลน์ไม่เสียภาษี
ขณะที่บ่อนถูกกฎหมายต้องจ่ายภาษีเต็มจำนวน บ่อนเถื่อนและคาสิโนออนไลน์จำนวนมากกลับแฝงตัวอยู่ในระบบเศรษฐกิจเงา ซึ่งไม่มีการเสียภาษี และไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส
2. การฟอกเงินผ่านช่องทางสีเทา
การหมุนเวียนเงินจำนวนมหาศาลผ่านบ่อนและคาสิโน โดยเฉพาะในรูปแบบของ ธุรกรรมลับ และ ระบบฟอกเงิน เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดคาสิโนในปอยเปตเติบโตเร็วเกินควบคุม
3. จำนวนนักพนันข้ามชาติที่ไหลเข้าวันละหลายหมื่นคน
นักพนันจากประเทศไทยยังคงเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดที่หลั่งไหลเข้าไปใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เพราะการพนันยังถือว่าผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่ถูกกฎหมายในฝั่งกัมพูชา ทำให้เพียงแค่เดินทางข้ามแดน ก็สามารถเสี่ยงโชคได้อย่างเปิดเผย
4. ขนาดของตลาดผิดกฎหมายใหญ่กว่าตลาดถูกกฎหมายหลายสิบเท่า
นี่คือสิ่งที่หลายฝ่ายไม่อยากพูดถึง เพราะเมื่อรวมรายได้จากกิจกรรมที่อยู่นอกการควบคุมของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นบ่อนในร่ม บ่อนออนไลน์ การพนันหวยใต้ดิน หรือแม้แต่เว็บพนันต่างประเทศที่มาจดทะเบียนในฝั่งกัมพูชา รายได้เหล่านี้ล้วนไหลเวียนในระบบเงา และก่อให้เกิดอำนาจต่อรองทางการเมืองและความมั่นคงอย่างมหาศาล
"ปิดด่าน" คือการหยุดเกม หรือเป็นแค่เครื่องมือทางการเมือง?
การปิดด่านไทย-กัมพูชาในช่วงเวลานี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบในเชิงการท่องเที่ยว การขนส่งสินค้า หรือความสัมพันธ์ระดับรัฐเท่านั้น แต่ยัง "ทุบเศรษฐกิจใต้ดิน" อย่างรุนแรง
คำพูดของทนายรณณรงค์ที่ว่า "ฮุน เซนต้องอ่อน เพราะทำมาหาแดxอะไรไม่ได้นอกจากบ่อน" อาจดูรุนแรง แต่สะท้อนความจริงที่ว่าระบบเศรษฐกิจของบางประเทศอาจถูกขับเคลื่อนด้วยรายได้จากกิจกรรมที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้อย่างเต็มภาคภูมิ
และเมื่อรายได้นั้นหายวับไปภายในวันเดียว ความปั่นป่วนจึงไม่อาจหลีกเลี่ยง
บ่อนกับอธิปไตย: ปัญหาที่ลุกลามเกินกว่าเรื่องพนัน
หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องการเสียรายได้ของฝั่งกัมพูชา แต่เป็นการชี้ให้เห็นว่า:
ระบบเศรษฐกิจของประเทศใกล้เคียงไทยหลายแห่งยังพึ่งพาธุรกิจที่ไม่โปร่งใส
การเปิดบ่อนคาสิโนในฝั่งไทยอาจกลายเป็นทางออกที่ถูกหยิบยกมาอีกครั้ง หากมองจากมุมเศรษฐกิจและภาษี
ไทยอาจใช้การปิดด่านเป็น "อาวุธทางเศรษฐกิจ" ต่อรองกับกัมพูชาในประเด็นความมั่นคงและกิจกรรมผิดกฎหมาย
คำถามใหญ่ที่ยังไร้คำตอบ: ประเทศไทยควรทำอย่างไรกับ ‘บ่อนปอยเปต’ และเกมที่ซ้อนอยู่เบื้องหลัง?
ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังปะทุนี้ ประเทศไทยควรหาทางออกอย่างไร?
จะยังคง ปล่อยให้เงินไทยไหลออกไปวันละหลายร้อยล้าน ผ่านกิจกรรมพนันหรือไม่?
จะยังคง ปล่อยให้ชายแดนกลายเป็นช่องทางฟอกเงินและขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ หรือไม่?
หรือถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรพิจารณา จัดระเบียบการพนันในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อควบคุม ตรวจสอบ และเก็บรายได้เข้าสู่รัฐอย่างโปร่งใส?
บ่อน ไม่ใช่แค่การพนัน แต่มันคือโครงสร้างของอำนาจ
กรณีข้อพิพาทไทย-กัมพูชาในครั้งนี้ ได้เผยให้เห็นอีกครั้งว่า “บ่อน” ไม่ใช่เพียงสถานที่สำหรับเสี่ยงโชคเท่านั้น แต่เป็นหนึ่งใน หัวใจหลักของการเมือง เศรษฐกิจ และอำนาจต่อรองระหว่างประเทศ
คำถามจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า “จะเปิดหรือปิดบ่อน” แต่อยู่ที่ว่า “จะควบคุมมันอย่างไรให้ไม่กลายเป็นเครื่องมือของอาชญากรรมและภัยคุกคามระดับชาติ”
เพราะสุดท้ายแล้ว...
ปิดด่านคือหยุดเกม อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเกมที่ใหญ่กว่าซึ่งทุกฝ่ายต้องลงมาเล่นอย่างจริงจัง





















