สำนักพุทธฯ บุรีรัมย์เตรียมเรียก “หลวงตา สุจ” แจงกรณียุทหารเขมรยิงคนสุรินทร์
“หลวงตาสุจ” งานเข้า! สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.บุรีรัมย์ เตรียมเรียกชี้แจง ปมไลฟ์สดยุยงให้ทหารเขมรยิงคนสุรินทร์ – นักกฎหมายชี้เข้าข่ายผิดอาญา
เกิดเป็นกระแสที่ร้อนแรงในสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง กรณี “พระมหานรินธร ปสนฺโน” หรือที่ชาวเน็ตรู้จักกันในชื่อ “หลวงตาสุจ” พระนักเทศน์ชื่อดังจากแดนอีสานใต้ ซึ่งมีผู้ติดตามมากมายในโลกโซเชียล ได้ออกมาไลฟ์สดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมีเนื้อหาที่สร้างความไม่พอใจแก่สาธารณชนเป็นวงกว้าง เนื่องจากใช้ถ้อยคำหยาบคายและดูหมิ่น ในระหว่างพูดถึงประเด็นความขัดแย้งระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งอยู่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
ที่รุนแรงยิ่งกว่าคือ ในคลิปดังกล่าว หลวงตาสุจได้กล่าวถ้อยคำที่เข้าข่าย "ยุยงปลุกปั่น" ให้ทหารเขมร “ยิงคนไทยในสุรินทร์ให้ตายให้หมด” ทำให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะคนสุรินทร์ รวมถึงชาวไทยที่หวงแหนแผ่นดินและความมั่นคงของประเทศ ต่างออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำนักงานพุทธฯ บุรีรัมย์ เตรียมเรียกชี้แจง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา นางพิชชาวริน สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักงานพุทธศาสนา ได้รับทราบถึงกรณีดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมการที่จะเรียก “หลวงตาสุจ” เข้าชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า หลวงตาสุจไม่ได้จำพรรษาอยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก แต่ใช้เวลาอยู่ในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากได้รับข้อมูลว่าเจ้าตัวเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อใด ทางสำนักงานจะดำเนินการเรียกตัวเข้าชี้แจงโดยทันที เพื่อสอบถามถึงเจตนาและแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังถ้อยคำในไลฟ์สดดังกล่าว
ทั้งนี้ นางพิชชาวริน ยืนยันว่าทางสำนักงานพุทธฯ มีหน้าที่ในการดูแลพระภิกษุสามเณรในพื้นที่ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบว่าพฤติกรรมของพระภิกษุรายใดเข้าข่ายผิดวินัยหรือกฎหมายบ้านเมือง
ทนายความชี้ชัด – ผิดกฎหมายอาญา
ในขณะเดียวกัน “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” ทนายความชื่อดัง ได้ออกมาให้ข้อมูลผ่านโพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ โดยระบุว่า การกระทำของหลวงตาสุจเข้าข่ายความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 84 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดยในกรณีนี้ถือว่าเป็นการยุยงให้ผู้อื่นใช้ความรุนแรงถึงขั้นฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง
สรุปบทบัญญัติของมาตรา 84 วรรคแรก:
“ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าโดยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วาน หรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด…”
และหากความผิดนั้นได้เกิดขึ้นจริง ผู้ใช้จะมีความผิด ในฐานะตัวการร่วม ทันที แต่หากความผิดยังไม่เกิดขึ้น ผู้ใช้ยังต้องรับโทษเพียง หนึ่งในสาม ของโทษตามความผิดนั้น
ในกรณีนี้ แม้ยังไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงตามที่ยุยงเกิดขึ้น แต่เจตนาของหลวงตาสุจที่พูดถ้อยคำดังกล่าวออกสู่สาธารณะก็เพียงพอที่จะนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีอาญาได้
ประชาชนร่วมแสดงจุดยืน – ไม่ยอมให้ศาสนาเสียหาย
ในโลกออนไลน์ ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจังหวัดสุรินทร์ ได้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่พระภิกษุรูปอื่น และเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนาไม่ให้มัวหมอง
หลายเสียงวิพากษ์ว่า พฤติกรรมของหลวงตาสุจไม่สมควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสมณเพศ ไม่เพียงเป็นการผิดพระธรรมวินัยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และบั่นทอนความเชื่อมั่นของพุทธศาสนิกชน
บางส่วนถึงขั้นเรียกร้องให้ถอดถอนสมณศักดิ์ หรือพิจารณา “ลาสิกขา” หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกระทำผิดจริง
เปิดปูม “หลวงตาสุจ” พระสายฮา – พลิกกลายเป็นดราม่า
“หลวงตาสุจ” หรือ พระมหานรินธร เป็นที่รู้จักในโลกโซเชียลในฐานะพระนักเทศน์สายฮา เจ้าของลีลาการสอนธรรมะที่สนุกสนาน เข้าถึงง่าย และเคยมีชื่อเสียงจากการไลฟ์สดเทศน์ธรรมะแนวตลก เรียกเสียงหัวเราะให้ผู้ชมจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มชาวอีสานและคนรุ่นใหม่
แต่ในช่วงหลังมานี้ กลับมีหลายครั้งที่พฤติกรรมของท่านถูกมองว่า “เกินขอบเขต” ทั้งการแสดงออกที่ดูเหมือนไม่สำรวม การวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นการเมือง ศาสนา และชาติพันธุ์อย่างรุนแรง จนเริ่มมีกระแสตั้งคำถามว่า “เหมาะสมหรือไม่” ที่พระภิกษุจะแสดงท่าทีแบบนี้ในสื่อสาธารณะ
บทเรียนจากกรณีนี้ – พระไม่พ้นกฎหมาย
กรณีของหลวงตาสุจถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะเป็นพระภิกษุซึ่งอยู่ในสมณเพศ แต่หากแสดงพฤติกรรมที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ เพราะกฎหมายบ้านเมืองถือว่าทุกคนเสมอภาคกัน
โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การสื่อสารออนไลน์แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว พระภิกษุที่ใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้จำเป็นต้องระมัดระวังในการแสดงออกให้มาก เพราะนอกจากจะมีผลต่อศาสนาแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อสังคมและความมั่นคงของประเทศ
สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.บุรีรัมย์ เตรียมเรียกหลวงตาสุจเข้าชี้แจงหลังไลฟ์สดกล่าวถ้อยคำยุยงให้ทหารเขมรยิงคนสุรินทร์ นักกฎหมายชี้เข้าข่ายผิดอาญา ม.84 รับโทษ 1/3 แม้ยังไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง สังคมร่วมกดดันให้ดำเนินการเด็ดขาดเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา กรณีนี้สะท้อนว่า "พระ" ก็ไม่อาจอยู่นอกเหนือกฎหมาย และต้องมีความรับผิดชอบต่อคำพูดของตนในที่สาธารณะเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป




















