เขมรแบนไม่สะเทือน! ส.ว.เปิดล้งวุฒิสภารับซื้อผักผลไม้ไทยสู้ตลาดส่งออก
วุฒิสภาลงมือจริง! เปิดพื้นที่รัฐสภาช่วยเกษตรกรไทย หลังกัมพูชาแบนผัก-ผลไม้ เดินหน้าจัดกิจกรรม “ไทยช่วยไทย” กระตุ้นสำนึกรักชาติ-รักษาผลประโยชน์ประเทศ
สถานการณ์ล่าสุดของสินค้าเกษตรไทยเกิดแรงสั่นสะเทือนเล็กๆ เมื่อเพื่อนบ้านอย่างประเทศกัมพูชาออกมาตรการที่ถือว่าเป็นการ “ปิดด่านทางการค้า” โดยมีการประกาศงดนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศไทยบางประเภท ส่งผลให้เกิดความวิตกในกลุ่มเกษตรกรไทย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่บริเวณชายแดน ที่อาจได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ วุฒิสภาไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ ล่าสุด นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้เปิดเผยถึงมาตรการเร่งด่วนที่รัฐสภาพร้อมดำเนินการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทย โดยการจัดกิจกรรม “ไทยช่วยไทย ร่วมกันปกป้องผลประโยชน์ของชาติ” โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อระบายผลผลิตทางการเกษตรที่มีจำนวนมากในฤดูกาลนี้ ซึ่งประสบปัญหาราคาตกต่ำซ้ำเติมด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
เกษตรกรไทยเผชิญวิกฤติ : ผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ แถมถูกกีดกันทางการค้า
นายมงคลระบุว่า ปีนี้ถือเป็นอีกปีที่สภาพดินฟ้าอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก เกษตรกรจึงมีผลผลิตมากกว่าปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง มังคุด เงาะ ทุเรียน หรือผลไม้ไทยอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม กลับพบว่าราคาผลผลิตตกต่ำ เนื่องจากปริมาณที่มากจนล้นตลาด บวกกับต้นทุนค่าขนส่งและแรงงานที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของเกษตรกร
ขณะเดียวกัน สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาก็ร้อนแรงขึ้น เมื่อฝั่งกัมพูชาออกมาตรการแบนการนำเข้าสินค้าการเกษตรจากไทย โดยไม่มีการชี้แจงรายละเอียดชัดเจน ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ชายแดน เนื่องจากตลาดกัมพูชาเป็นหนึ่งในช่องทางการกระจายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสำหรับผู้ค้ารายย่อยที่เน้นส่งออกไปยังพื้นที่ใกล้เคียง
แม้ประเทศไทยจะไม่ได้พึ่งพาการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังกัมพูชาเป็นตลาดหลักก็ตาม แต่มาตรการดังกล่าวก็มีผลกระทบในเชิงจิตวิทยาและสร้างความกังวลต่อความมั่นคงของตลาดการเกษตรในภาพรวม
วุฒิสภาเปิดพื้นที่รัฐสภาเป็นตลาดกลาง: ช่วยเหลือ-ระบายผลผลิตเกษตรในราคายุติธรรม
เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น วุฒิสภาจึงเร่งดำเนินการจัดกิจกรรม “ไทยช่วยไทย” ภายใต้แนวคิด “ร่วมกันปกป้องผลประโยชน์ของชาติ” โดยอาศัยพื้นที่ในรัฐสภาที่มีขนาดใหญ่และสามารถรองรับผู้คนจำนวนมากได้เป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าทางการเกษตร
นายมงคลเปิดเผยว่า ปัจจุบันรัฐสภามีบุคลากรกว่า 5,000 คน ซึ่งถือเป็นศักยภาพสำคัญในการบริโภคและช่วยกระจายสินค้าเกษตรในวงกว้าง พร้อมกันนี้ยังเตรียมประสานความร่วมมือกับเครือข่ายกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาต่างประเทศและสถานทูต เพื่อประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ โดยใช้โอกาสนี้แนะนำสินค้าคุณภาพดีที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย
ไม่ใช่แค่ผลไม้ แต่รวมถึงสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่น
กิจกรรมดังกล่าวจะไม่ได้จำกัดเพียงแค่ผลไม้หรือผักสดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาท้องถิ่น อาทิ สินค้าแปรรูปจากเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร งานหัตถกรรมพื้นบ้าน และสินค้าทางวัฒนธรรมอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสทางเศรษฐกิจในวงกว้างให้แก่ชุมชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
โดยในแต่ละเดือนจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนสินค้าจากจังหวัดต่าง ๆ มาเปิดจำหน่ายที่อาคารรัฐสภาแห่งนี้ ภายใต้การดูแลของคณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อนโครงการอย่างต่อเนื่อง
ประธานวุฒิสภาย้ำ "ที่ไหนขายไม่ได้ เอามาขายที่รัฐสภา"
ประโยคเด็ดที่กลายเป็นไฮไลต์ในการแถลงข่าวของนายมงคล คือ “ที่ไหนขายไม่ได้ เอามาขายที่รัฐสภา พวกเราขายแป๊บเดียวก็หมดแล้ว!” ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจจริงของวุฒิสภาในการเป็นศูนย์กลางช่วยเหลือเกษตรกรอย่างแท้จริง
เขายังกล่าวเสริมว่า ในกิจกรรมครั้งล่าสุดที่เปิดจำหน่ายผลไม้ในพื้นที่รัฐสภา ผลไม้หลายชนิดถูกจำหน่ายหมดภายในเวลาไม่นาน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรัฐสภาในการช่วยเป็นตลาดกลางให้กับเกษตรกรในช่วงวิกฤต
เสียงสะท้อนจากชายแดน: ผลกระทบมีจำกัด แต่ต้องเฝ้าระวัง
แม้ว่าในภาพรวม ประเทศไทยจะไม่ได้พึ่งพากัมพูชาเป็นตลาดส่งออกหลักสำหรับสินค้าเกษตร แต่ก็มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ในจังหวัดชายแดนบางแห่งว่า การปิดกั้นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ค้ารายย่อย ซึ่งบางรายไม่มีทุนหรือช่องทางอื่นในการกระจายผลผลิต
อย่างไรก็ตาม นายมงคลย้ำว่า จากการประสานข้อมูลกับราชการในพื้นที่ชายแดน ยังไม่มีสัญญาณของผลกระทบรุนแรง และสถานการณ์ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ แต่เพื่อความไม่ประมาท วุฒิสภาจะเดินหน้าช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้เครือข่ายสมาชิกรัฐสภาทั่วประเทศ รวมถึงสมาชิกที่เคยเป็นเกษตรกรโดยตรง มาร่วมคิดและออกแบบแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน
เชิญชวนประชาชนร่วมอุดหนุนสินค้าเกษตรไทย
นายมงคลยังได้เชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปให้ร่วมเป็นพลังในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรไทย ด้วยการอุดหนุนสินค้าทางการเกษตรที่ผลิตโดยคนไทย เพื่อเป็นการยืนยันว่า “คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน” พร้อมเน้นว่า วุฒิสภาจะเดินหน้าจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทุกเดือน เพื่อเป็นกลไกในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศในระดับฐานราก
การที่วุฒิสภาไทยเลือกใช้พื้นที่รัฐสภาให้เกิดประโยชน์ในช่วงวิกฤตเกษตรกร เป็นสัญญาณที่ดีว่านโยบายภาครัฐไม่ได้อยู่เพียงแค่บนกระดาษ แต่สามารถแปรรูปเป็นการกระทำจริงได้ เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และนี่คืออีกหนึ่งรูปธรรมที่สะท้อนพลังของคำว่า “ไทยช่วยไทย” ได้อย่างแท้จริง





















