หมูกระทะแตกฮือ! หนุ่มแค่บ่น “ไม่มีลูกค้า” โดนโต๊ะข้างทำร้าย ยืนยันไม่ได้ว่าใคร
ดราม่ากินหมูกระทะเดือด! หนุ่มพูดแค่ “ทำไมร้านไม่มีคน” เจอโต๊ะข้างชี้หน้าด่าว่า “เห็นเป็นหมาเหรอ” ก่อนโดนแก้วฟาดหัวเลือดอาบ แม่วอนขอความเป็นธรรม
ในโลกออนไลน์ขณะนี้ มีประเด็นที่กำลังกลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานโซเชียลที่ให้ความสนใจกับเหตุการณ์รุนแรงในชีวิตประจำวัน โดยเรื่องราวครั้งนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันภายในร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง ซึ่งในตอนแรกดูเหมือนจะเป็นแค่การสนทนาทั่วไประหว่างเพื่อนฝูง แต่กลับจบลงด้วยการบาดเจ็บและการแจ้งความดำเนินคดี
เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกโดยเพจชื่อดัง “Survive - สายไหมต้องรอด” เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นเพจที่มีชื่อเสียงด้านการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างๆ และมักนำเสนอเหตุการณ์ที่ต้องการความเป็นธรรม โดยมีการโพสต์ภาพพร้อมรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเสียงวิงวอนจากแม่ของผู้เสียหายที่กำลังรู้สึกตกใจและเสียใจอย่างที่สุด
จุดเริ่มต้นของเรื่อง : แค่คำพูดธรรมดา กลับกลายเป็นชนวนเหตุทำร้ายร่างกาย
ตามที่เพจสายไหมต้องรอดระบุ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มผู้เสียหายคนหนึ่งได้ไปนั่งรับประทานหมูกระทะกับกลุ่มเพื่อนในร้านแห่งหนึ่งตามปกติ แต่เมื่อเขาสังเกตว่าร้านในวันนั้นมีลูกค้าน้อยกว่าปกติ จึงพูดขึ้นมาว่า “ทำไมวันนี้ร้านไม่มีคน”
คำพูดที่ไม่น่าจะมีอะไร กลับกลายเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต เพราะลูกค้าโต๊ะข้างๆ ซึ่งอยู่ในระยะใกล้กัน ได้ลุกขึ้นมาทันที พร้อมชี้หน้าผู้พูด ก่อนตะโกนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “แล้วผมไม่ใช่คนเหรอ หรือคุณเห็นผมเป็นหมา?”
ยังไม่ทันที่สถานการณ์จะคลี่คลาย ฝ่ายชายผู้ก่อเหตุได้ใช้แก้วน้ำตีเข้าที่ศีรษะของผู้เสียหายอย่างแรงจนแก้วแตกและเลือดอาบ แม้ผู้เสียหายจะรีบขอโทษและยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาแซะหรือพูดถึงโต๊ะข้างๆ เลยก็ตาม
แม่สุดช็อก ลูกโดนทำร้ายทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ
หลังเกิดเหตุ ฝ่ายแม่ของผู้เสียหายได้ติดต่อมายังเพจสายไหมต้องรอดเพื่อขอความช่วยเหลือ เธอระบุว่า ลูกชายของตนไม่ได้มีเจตนาจะหาเรื่องหรือพูดพาดพิงใคร เป็นเพียงแค่บทสนทนาระหว่างเพื่อนที่พูดถึงจำนวนลูกค้าในร้านเท่านั้น
“แอดคะ ช่วยด้วยค่ะ เมื่อวานลูกชายโดนทำร้าย ทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ลูกชายไปกินข้าวกับเพื่อน แล้วพูดว่าร้านไม่ค่อยมีคน คู่กรณีเดินมาบอกว่า แล้วนั่งอยู่ไม่ใช่คนเหรอ เห็นเป็นหมาเหรอ น้องก็บอกว่าไม่ใช่ครับ ขอโทษครับ ๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย”
นอกจากนี้แม่ยังระบุอีกว่า ทุกคนในร้านต่างเป็นพยานได้ว่า ลูกชายของเธอไม่ได้ตั้งใจจะพูดถึงใครเป็นพิเศษ และไม่ได้เริ่มเรื่องก่อนแต่อย่างใด
“น้องอายุเท่านี้ ต้องมาโดนทำร้ายแบบนี้ แม่ไม่รู้จะพูดยังไง ฝากเพจสายไหมต้องรอด ช่วยลูกชายแม่ด้วยนะคะ”
ตำรวจเริ่มตรวจสอบ – เตรียมดำเนินคดีผู้ก่อเหตุ
ทางเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า หลังจากที่รับแจ้งเรื่องจากครอบครัวผู้เสียหายแล้ว ได้มีการประสานไปยัง พ.ต.อ.พรรณลบ สำราญสม ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลจรเข้น้อย ซึ่งได้เริ่มการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น และเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุต่อไป
“เบื้องต้นพี่เอกได้ประสานไปยังท่าน พ.ต.อ.พรรณลบ สำราญสม ผกก.สน.จรเข้น้อย ซึ่งได้รับเรื่องและอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเหมาะสมค่ะ”
เสียงสะท้อนจากสังคม – หวั่นเหตุการณ์คล้ายๆ กันเกิดซ้ำ
หลังเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลต่างเข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่รู้สึกตกใจที่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดจากคำพูดธรรมดา และมีการตั้งข้อสังเกตถึงความไม่มั่นคงทางอารมณ์ของบางคนในสังคมปัจจุบัน ที่เพียงแค่คำพูดไม่ตรงหู ก็สามารถทำร้ายกันถึงเลือดตกยางออกได้
หลายคนแสดงความเห็นว่า การพูดว่า “ร้านไม่มีคน” เป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไป และไม่ควรถูกตีความไปในทางลบจนถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายเช่นนี้ ขณะที่บางคนก็แสดงความเห็นเชิงเตือนใจว่า ควรหลีกเลี่ยงการพูดอะไรที่อาจตีความได้หลายแง่ในพื้นที่สาธารณะ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย
ประเด็นทางกฎหมาย – การใช้ความรุนแรงไม่ใช่คำตอบ
ตามกฎหมายอาญาไทย การทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยเจตนา จัดเป็นความผิดอาญา มีโทษจำคุกและปรับ ซึ่งแม้จะอ้างว่าเกิดจากความเข้าใจผิดหรือความไม่พอใจส่วนตัว ก็ไม่สามารถนำมาใช้ลดความผิดได้
ในกรณีนี้ การใช้แก้วเป็นอาวุธตีศีรษะของผู้อื่น จนอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง ถือเป็นการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ และมีแนวโน้มที่ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ
สรุป
เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า ความไม่เข้าใจในคำพูด การตีความในทางลบ หรืออารมณ์รุนแรงเพียงชั่ววูบ สามารถนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่อาจย้อนคืนได้ ความเจ็บปวดของผู้เสียหายและความคับแค้นของครอบครัวที่ต้องเผชิญกับความรุนแรงโดยไม่มีเหตุผล ยิ่งตอกย้ำว่าสังคมเราจำเป็นต้องมี “สติ” มากขึ้นในทุกการกระทำ
สำหรับครอบครัวผู้เสียหาย พวกเขาหวังเพียงว่า จะได้รับความเป็นธรรม และไม่ให้คนผิดลอยนวล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบนี้ขึ้นกับใครอีก
หากใครพบเห็นเหตุการณ์ในลักษณะนี้ หรือประสบเหตุการณ์ใกล้เคียง อย่าลังเลที่จะร้องขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพราะทุกชีวิตสมควรได้รับการปกป้องจากความรุนแรงในทุกรูปแบบ














