"ทรัมป์" ประกาศรีดภาษีภาพยนตร์ 100% ที่ถ่ายทำในมะกันและนอกมะกันทุกเรื่อง
ประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ได้ออกมาประกาศว่า "ผมเตรียมเก็บภาษีนำเข้า 100% กับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ถ่ายในอเมริกา และ ถ่ายนอกประเทศ" โดยให้เหตุผลว่า "ผมต้องการกระตุ้นการสร้างหนังในอเมริกาอีกครั้ง" แต่การทำแบบนี้ กลับทำให้ฝ่ายผู้บริหารสตูดิโอฮอลลีวูดถึงกับไปไม่เป็น เพราะไม่ได้รับสัญญาณล่วงหน้าใดๆ เกี่ยวกับมาตรการนี้ออกมาก่อนเลย และ ก็ยังไม่รู้รายละเอียดเลยว่าจะนำมาใช้จริงอย่างไร?
ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา สตูดิโอยักษ์ใหญ่มักย้ายกองถ่ายไปประเทศอื่น ที่มีต้นทุนต่ำและมีสิทธิประโยชน์ด้านภาษี เช่น แคนาดา อังกฤษ บัลแกเรีย นิวซีแลนด์ และ ออสเตรเลีย ซึ่งต่างก็ออกมาตรการจูงใจเพื่อดึงดูดการลงทุน และ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศตนเอง ส่งผลให้ฮอลลีวูดสูญเสียทั้งงานและรายได้มหาศาล โดยเฉพาะในลอสแอนเจลิส ที่เคยเป็นหัวใจของอุตสาหกรรมนี้ แถมผลกระทบจากโควิด การนัดหยุดงานของแรงงานในอุตสาหกรรมบันเทิง และ การตัดงบจากค่ายหนังดั้งเดิม ที่เคยทุ่มทุนสร้างบริการสตรีมมิ่งแข่งกับ Netflix แต่ไม่ได้ผลอย่างที่หวัง ไฟป่าครั้งล่าสุดเมื่อต้นปี ก็ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์เข้าไปอีก
"โดนัลด์ ทรัมป์" กล่าวอีกว่า "ผมได้สั่งให้กระทรวงพาณิชย์ และ ผู้แทนการค้าของอเมริกา เริ่มดำเนินการเก็บภาษี 100% ทันที กับภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ผลิตในประเทศ และ ถ่ายในต่างประเทศแล้ว โดยจะนำภาษีดังกล่าวมาใช้เพื่ออเมริกา"
"โดนัลด์ ทรัมป์" กล่าวเสริมว่า "อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอเมริกากำลังจะตาย มีหลายประเทศที่เสนอสิทธิประโยชน์ ล่อให้สตูดิโอของเราออกไปจากประเทศ ฮอลลีวูดและอีกหลายพื้นที่ของอเมริกากำลังถูกทำลาย นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจแล้ว แต่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติด้วย!!"
ผู้กำกับหนังคนหนึ่ง ได้ออกมากล่าวว่า "การเก็บภาษีกับหนังที่ถ่ายทำนอกประเทศ จะยิ่งทำให้ต้นทุนสูงขึ้น สตูดิโอก็จะกดดันให้โรงหนังขึ้นราคาตั๋ว" และ "สุดท้ายคนดูก็จะเลิกไปดูในโรง คุณคงเดาได้ว่าอะไรจะตามมา..."





















