ม.ฮาร์วาร์ดจะถูกตัดสิทธิหากไม่ทำตามข้อเรียกร้องของทรัมป์
วันนี้ [ตามเวลาท้องถิ่น] รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ "คริสตี โนเอม" ของอเมริกา ได้ออกมาประกาศว่า "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ ดอาจจะไม่สามารถเปิดรับนักศึกษาต่างชาติได้ หากทางมหาวิทยาลัย ไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของรัฐบาล "โดนัลด์ ทรัมป์" ในการแบ่งปันข้อมูลของผู้ถือวีซ่าบางราย"
"คริสตี โนเอม" กล่าวอีกว่า "ก่อนหน้านี้ ฉันได้เขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อร้องขอบันทึกข้อมูลที่เธอเรียกว่าเป็น "กิจกรรมที่ผิดกฎหมายและรุนแรง" ของผู้ถือวีซ่านักศึกษาต่างชาติของฮาร์วาร์ด ภายในวันที่ 30 เม.ย. 2025" และ "หากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการรายงานอย่างครบถ้วน มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็จะสูญเสียสิทธิพิเศษ ในการรับนักศึกษาต่างชาติ" และ "กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิได้ระงับเงินอุดหนุน 2 รายการที่ให้กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 2.7 ล้านดอลลาร์"
โฆษกของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า "ทางมหาวิทยาลัยรับทราบเรื่องจดหมายของ "คริสตี โนเอม" เกี่ยวกับการยกเลิกเงินอุดหนุน" และ "การตรวจสอบวีซ่านักศึกษาต่างชาติ แต่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยังคงยืนยัน ตามคำแถลงการณ์ในสัปดาห์นี้ว่า "ทางมหาวิทยาลัยจะไม่ยอมละทิ้งความเป็นอิสระ หรือ สละสิทธิตามรัฐธรรมนูญ" แต่ "ทางมหาวิทยาลัย ก็จะปฏิบัติตามกฎหมาย"
ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลทรัมป์ขู่ว่าจะตัดเงินทุนสนับสนุนของรัฐบาลกลาง แก่มหาวิทยาลัยต่างๆทั่วอเมริกา หลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ ได้ก่อเหตุประท้วงในมหาวิทยาลัย เพื่อต่อต้านอิสราเอลซึ่งเป็นพันธมิตรของอเมริกา โดยอิสราเอลใช้กำลังทหารโจมตีชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา หลังจากกลุ่มฮามาสได้ก่อเหตุโจมตีดินแดนอิสราเอล เมื่อเดือน ต.ค. 2023 ซึ่งทรัมป์มองว่าผู้ประท้วงเหล่านี้ มีจุดยืนต่อต้านชาวยิวและเห็นอกเห็นใจฮามาส ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อนโยบายต่างประเทศของอเมริกา
ในขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงกล่าวว่า "รัฐบาลทรัมป์พยายามเชื่อมโยงการสนับสนุนสิทธิของชาวปาเลสไตน์ และ การวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของอิสราเอลในกาซา เข้ากับการสนับสนุนความรุนแรงสุดโต่ง และ การต่อต้านชาวยิวอย่างไม่ถูกต้อง...