นครรัฐวาติกันเตือนว่า AI มีสิ่งชั่วร้ายเป็นเหมือนเงาตามตัว ด้วยความสามารถในการโหมกระพือข้อมูลที่บิดเบือน
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวานนี้ (28 มกราคม 2568) ว่าทางการนครรัฐวาติกันเรียกร้องให้บรรดารัฐบาลของนานาชาติจับตาการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไออย่างใกล้ชิด เพราะมีสิ่งชั่วร้ายเป็นเหมือนเงาตามตัว ด้วยความสามารถในการโหมกระพือข้อมูลที่บิดเบือน แถลงการณ์นครวาติกัน ระบุว่า เอไอที่สร้างข่าวปลอมนั้นสามารถที่จะเซาะกร่อนบ่อนทำลายรากฐานของสังคมได้ ซึ่งปัญหานี้จำเป็นต้องมีกรอบข้อบังคับขึ้นมา โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่ใช้เอไอบริหารจัดการเพื่อเผยแพร่ เพราะอาจทำให้เกิดการโหมกระพือความแตกแยกทั้งการเมืองและส่งเสริมให้สังคมแยกออกเป็นขั้วตรงข้ามกันแบบสุดขั้ว รวมถึงความไม่สงบที่อาจตามมาโดยไม่ได้เจตนา รายงานระบุว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก นิกายใหญ่ที่มีศาสนิกชนกว่า 1.4 พันล้านคนทั่วโลก ทรงเน้นย้ำถึงประเด็นธรรมาภิบาลของเอไอในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังทรงระบุในสารที่ส่งไปเตือนบรรดานักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ และนักธุรกิจที่การประชุมสภาเศรษฐกิจโลก (WEF) นครดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยว่า เทคโนโลยีเอไอกำลังก่อให้เกิดความน่ากังวลต่ออนาคตของมนุษยชาติ ตลอดจนที่การประชุมกลุ่มชาติเศรษฐกิจใหญ่จี 7 เมื่อเดือน มิ.ย. 2567 ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงย้ำเตือนว่า ผู้คนไม่ควรให้เอไอมาเป็นผู้กำหนดชะตา หรือลิขิตชีวิตของตัวเอง ทั้งนี้ รายงาน Antica et nova จากนครวาติกัน เป็นการศึกษาวิเคราะห์เรื่องผลกระทบต่อเทคโนโลยีเอไอต่อภาคธุรกิจแต่ละประเภท ในจำนวนนี้ รวมถึง แรงงาน สาธารณสุข และการศึกษาด้วย ความเคลื่อนไหวของนครวาติกันเกิดขึ้นหลัง DeepSeek เอไอจากกลุ่มสตาร์ทอัพในประเทศจีน ได้รับการเผยแพร่ฟรีต่อประชาคมโลก แต่มีสมรรถนะเทียบเท่า (หรืออาจเหนือกว่า) เอไอหลายเจ้าในสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งเหวครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์










