ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาในอเมริกาเหนือ หันมาใช้กฏ "ไม่ซื้อของ ไม่ต้องเข้า" เหมือนเมื่อ 6 ปีที่แล้ว อีกครั้ง

    โดยในวันนี้ (14 มกราคม 2568) สตาร์บัคส์ (Starbucks) เครือร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศว่ากำลังยกเลิกนโยบายของร้านกาแฟทุกสาขาในอเมริกาเหนือที่อนุญาตให้ผู้คนสามารถเข้ามานั่ง ใช้ห้องน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกในร้านได้ แม้จะไม่ได้ซื้ออะไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. 2025 เป็นต้นไป

ถือเป็นการยกเลิกนโยบายที่นำมาใช้เมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งอนุญาตให้ทุกคนสามารถเข้ามาใช้เวลาในร้านสตาร์บัคส์และใช้ห้องน้ำได้โดยไม่ต้องซื้อสินค้าใดๆ การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Back to Starbucks ซึ่งเป็นแผนที่ประกาศโดย ไบรอัน นิกโคล ประธานคนใหม่ของบริษัท ขณะที่เขากำลังพยายามแก้ปัญหายอดขายที่ตกต่ำ นโยบายใหม่ยังห้ามการเลือกปฏิบัติหรือการล่วงละเมิด การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ซื้อมาจากจากภายนอก การสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า การใช้ยาเสพติด และการขอทาน

 จาซี แอนเดอร์สัน โฆษกของสตาร์บัคส์ กล่าวว่า กฎใหม่นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ความสำคัญกับลูกค้าที่จ่ายเงินก่อนเป็นอันดับแรก โดยชี้ว่าร้านค้าปลีกอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็มีกฎที่คล้ายคลึงกันอยู่แล้ว เราต้องการให้ทุกคนรู้สึกได้รับการต้อนรับและรู้สึกสบายใจในร้านของเรา การกำหนดความคาดหวังที่ชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมและการใช้พื้นที่ของเราจะช่วยให้เราสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนได้ แอนเดอร์สันกล่าว นโยบายดังกล่าวเตือนว่า ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกขอให้ออกจากร้าน และร้านค้าอาจแจ้งเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายหากจำเป็น ขณะที่พนักงานจะได้รับการอบรมเกี่ยวกับการบังคับใช้นโยบายใหม่นี้ สำหรับกฎเดิมเกิดขึ้นเมื่อปี 2018

หลังจากชายผิวสีสองคนถูกจับกุมที่สตาร์บัคส์ในฟิลาเดลเฟีย โดยพวกเขาไปประชุมธุรกิจ ทางสาขาจึงได้ขอให้ลูกค้าที่ไม่จ่ายเงินออกจากร้าน แต่การปฏิบัติดังกล่าวถูกบันทึกวิดีโอไว้ได้ สร้างความอับอายอย่างมากให้กับบริษัท ประธานในขณะนั้นของสตาร์บัคส์ ฮาเวิร์ด ชูลต์ซ กล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้ผู้คนรู้สึกว่าถูกด้อยค่าหากถูกปฏิเสธการเข้าใช้บริการในร้าน

เราไม่ต้องการกลายเป็นห้องน้ำสาธารณะ แต่เราจะตัดสินใจอย่างถูกต้อง 100% เสมอและมอบกุญแจให้กับผู้คน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นมา พนักงานและลูกค้าคนอื่นต้องอดทนกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและเป็นอันตรายในร้านจากลูกค้าที่ไม่จ่ายเงิน ในปี 2022 สตาร์บัคส์ได้ปิดสาขาไป 16 แห่งทั่วประเทศสหรัฐฯ เนื่องจากปัญหาความปลอดภัยที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงการใช้ยาและพฤติกรรมก่อกวนอื่น ๆ ที่คุกคามพนักงาน