มหานครนิวยอร์กรถติดน้อยลง หลังใช้มาตรการเก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะ ในการเข้าพื้นที่ธุรกิจ
เป็นการรายงานข่าวมาจากสำนักข่าวต่างประเทศ จากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันนี้ (14 มกราคม 2568) ว่าเทศบาลนครนิวยอร์กของสหรัฐกล่าวว่า การจราจรในพื้นที่ "คล่องตัวมากขึ้น" หลังมีการใช้มาตรการเก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะ ในการเข้าพื้นที่ธุรกิจ โดยสำนักงานคมนาคมนครนิวยอร์ก รายงานจำนวนยานพาหนะผ่านเข้าเขตธุรกิจ ลดลงราว 273,000 คัน ระหว่างวันที่ 6-10 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นผลจากมาตรการเก็บค่าธรรมเนียม ซึ่งมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ความหนาแน่นของการจราจรในบริเวณดังกล่าว เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 7.5% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของเดือน ม.ค.
ซึ่งยังไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวซึ่งนางเคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ลงนามเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว ระบุให้ผู้ขับขี่ยานยนต์ซึ่งประสงค์ผ่านเข้าสู่พื้นที่ทางใต้ของเซ็นทรัลพาร์ก ในย่านแมนฮัตตัน ของนครนิวยอร์ก ต้องจ่ายค่าผ่านทางเวลากลางวัน 9 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 312.39 บาท นับตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นเมืองแห่งแรกของสหรัฐ ที่มีมาตรการเก็บค่าผ่านทางแบบนี้ ขณะที่รถบรรทุกขนาดเล็กและรถบัสที่ไม่มีผู้โดยสาร ต้องจ่ายค่าผ่านทาง 14.40 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 499.82 บาท ส่วนรถบรรทุกขนาดใหญ่และรถบัสโดยสารที่มีนักท่องเที่ยว ต้องจ่ายค่าผ่านทาง 21.60 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 749.73 บาท
แม้คนขับรถแท็กซี่ไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมทันทีเมื่อผ่านเส้นทางดังกล่าว แต่จะเป็นการไปเก็บเพิ่มกับค่าโดยสาร สร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการ ว่าจะเป็นการผลักดันให้ผู้โดยสารเลือกเดินทางด้วยระบบขนส่งอื่นแทน อนึ่ง โฮชุลกล่าวว่า มาตรการเก็บค่าผ่านทางมีความจำเป็น เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนน และเพื่อบรรเทามลพิษ พร้อมทั้งยืนยันว่า ภาครัฐนำรายได้ส่วนนี้ไปซ่อมบำรุง และพัฒนาระบบรถไฟใต้ดินของนครนิวยอร์กเท่านั้น ท่ามกลางเสียงวิจารณ์และความกังวลของหลายฝ่าย ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่น